ผู้ถาม : กราบองค์หลวงตาเจ้าค่ะ วันนี้ฝึกพลังลมปราณตามปกติ มันรู้สึกเข้าใจคำว่า ไม่มีที่หมายขึ้นมา เวลากระจายลมออกไปแบบที่ไม่มีที่หมายไปสู่จักรวาล มันเหมือนร่างกายไม่มี แขนไม่มี ขอบของร่างกายที่แบ่งแยกก็ไม่มี เหมือนมันหาขอบเขตไม่ได้เลยเจ้าค่ะ มีแต่พลังงานที่กระเพื่อมเคลื่อนไหวให้รู้สึกได้แล้ว ค่อยสลายหายไป ความปกติเข้ามาแทนที่ สงบ ยิ่งเจ้าค่ะ น้อมการปฏิบัติบูชาคุณองค์หลวงตาเจ้าค่ะ หลวงตา : ไม่ใช่ว่าไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรเท่านั้น มันไม่มีผู้ยึดมั่นถือมั่นใจ (ผู้รู้) เสียด้วย เมื่อสิ้นผู้ยึดมั่นใจ (ผู้รู้) จึงไม่ปรากฏความเป็นเรา ตัวเรา ของเราในใจ หลังจากนั้นจะไม่ปรากฏใจ (ผู้รู้) อีกเลย ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะหลวงตา เพิ่งตื่นมาเห็นข้อความที่หลวงตาเมตตาชี้แนะเจ้าค่ะ มันทบทวนซ้ำ ๆ พิจารณาอยู่ภายใน จนมันเห็นว่า แท้จริงแม้ตัวเรามันไม่ได้ยึดตัวเราแล้ว แต่มันยังไปยึด "สิ่งที่ไม่ใช่เรา" อยู่เจ้าค่ะ มันยึดเพราะมันรู้ว่า "สิ่งที่ไม่ใช่เรา" คือ ธรรมชาติที่พ้นจากทุกข์ มันเลยมีผู้วนกลับไปยึดใจจริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะ พอมันเห็น มันก็พูดขึ้นมาว่า "ตัวเราก็ยึดไม่ได้ สิ่งที่ไม่ใช่เราก็ยึดไม่ได้ อย่างนี้มันก็ไม่เหลืออะไรเลย" แล้วมันก็เหมือนกับข้างในมันสั่นคลอน เหมือนกับมันไม่มีที่ยืน ที่เกาะเกี่ยวอีกแล้ว และภายในใจมันพังทลายลง พอหลับตา มันพบแต่ห้วงอวกาศที่เป็นกาแลกซี่ และมีสะเก็ดของดวงดาวต่าง ๆ ล่องลอยอยู่เต็มไปหมด และมันก็รู้ว่า สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ก็คงเป็นเช่นนั้น คือเป็นเพียงสะเก็ดของชิ้นส่วนที่มีอยู่ในอวกาศนั้นเจ้าค่ะ พอตื่นมา มันก็เหมือนไม่มีใจจริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะ พอมันไม่มีใจ มันก็ดีใจ เสียใจ สุขใจ ทุกข์ใจไม่ได้ เลยกลายเป็นใจที่พ้นจากทุกข์ไปเลยเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณหลวงตาที่เมตตาชี้แนะเจ้าค่ะ ลูกคิดว่ามันเป็นส่วนที่ละเอียดมาก และยากที่จะเข้าใจ ถ้าไม่มีผู้ชี้จริง ๆ เจ้าค่ะ ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565