ผู้ถาม : กราบองค์หลวงตาเจ้าค่ะ ไม่ได้ส่งการบ้านมาระยะหนึ่ง คิดจะเขียน มันก็แห้ง บอกไม่ถูกค่ะ ก็ตามฟังไฟล์ปกติ แต่เห็นว่าใจเค้าไม่เอา ไม่อยากอย่างแต่ก่อน
เหมือนได้มาฟังทวน การปฏิบัติที่ผ่านมา ปฏิบัติเทียบปริยัติ ปฏิเวธผลที่เกิด
หลังจากเห็นว่ามีตัวเรารักษาใจ ก็ปล่อยให้ ไอ้ใบ้เป็นไอ้ใบ้ ไอ้บ้าเป็นไอ้บ้า ให้เค้าทำงานของเค้าไปตามธรรมชาติ ได้แต่รับรู้ รับทราบ
วันนี้ทำพลังลมปราณตามปกติก็กระจายลมไปตามที่หลวงตาสอน อยู่ ๆ มันก็เห็นความมีเราในสุญญตา อ้าว..มันเจื้อกเลยค่ะ มันเลยไม่เหลืออะไรเลยทั้งเรา ทั้งสุญญตา อันนี้มั้งคะที่ไอ้ใบ้ตัวจริง เพราะไม่มีอะไรค้างอยู่ในใจให้รู้สึกได้ เพราะไม่สามารถพูดอธิบายออกมาได้เลย
เพราะถ้าพูดได้กล่าวถึงได้คือสมมติ มันดับหายไปต่อหน้าไม่มีตัวตนเหลือจริง ๆ เขียนอยู่มันก็ออกมาเอง ไม่ได้ปรุงขึ้น ไหลมาตามเหตุตามปัจจัยที่ควรเป็น เหมือนกูเกิ้ลอย่างที่หลวงตาบอก อยากรู้อะไร คีย์เข้าไป เดี๋ยวคำตอบมันมาเอง
หากผิดพลาดประการใด องค์หลวงตาโปรดเมตตาชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ
หลวงตา : สาธุ เป็นปัจจัตตัง
***** ความจริงเป็นเช่นนั้นเอง สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นดับ เขาเกิดเอง ดับเอง
เกิดเอง ดับเอง เกิดเอง ดับเอง……
ส่วนสิ่งใดไม่เกิด สิ่งนั้นไม่ดับของเขาเอง (วิสังขาร)
จึงไม่ใช่ความพยายามไปทำให้สังขาร เป็นวิสังขาร
ไม่ใช่ความพยายามไปไล่ดับสังขาร เพื่อให้เป็นวิสังขาร
ไม่ใช่ความพยายามทำจิตให้นิ่งเฉยว่างเปล่า เพื่อให้เป็นวิสังขาร
“สังขาร” ย่อมเป็นสังขาร คือ สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา ความจริง (สัจธรรม) ของธรรม หรือ ธรรมชาติเขาเป็นเช่นนั้นเอง
“วิสังขาร” ย่อมเป็นวิสังขารมาแต่เดิมอย่างเป็นอมตะ
ส่วน “จิตอวิชชา” ที่หลงยึดถือ…. อุปาทาน… เป็นขณะจิตปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งเกิดดับ คือ เมื่อยึดถือสิ่งใด จิตอวิชชาก็เกิดกับสิ่งนั้น ครั้นเปลี่ยนไปยึดถือสิ่งอื่น จิตอวิชชาก็ดับจากสิ่งที่ยึดถือไว้เดิม แล้วไปเกิดใหม่กับสิ่งที่ยึดถือใหม่ จิตอวิชชาจึงเกิดดับส่งต่อกันอย่างนี้เรื่อยไป….
และ เกิดเป็นกระบวนการเกิดดับของสังขารปรุงแต่งส่งต่อกันไปในปฏิจจสมุปบาท ตั้งแต่ อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ…. นามรูป… สฬายตนะ…
ผัสสะ… เวทนา… ตัณหา… อุปาทาน…. ภพ… ชาติ… ชรามรณะ… และทุกข์
เมื่อเกิดปัญญาญาณรู้เห็นสัจธรรมความจริงของธรรม หรือ ของธรรมชาติของสังขาร หรือ สังขตธรรม และ วิสังขาร หรือ อสังขตธรรม ขึ้นมาจากใจเพียงแวบ!!! เดียว ก็จะเกิด “วิราคธรรม” ใจหมดยางเหนียว หรือ สิ้นหลงยึดมั่นถือมั่นทั้งสังขาร และ วิสังขาร “อวิชชา” ดับเป็นวิมุตติธรรม นิพพานธรรมทันที
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565