ผู้ถาม : น้อมกราบขอโอกาสส่งการบ้านเจ้าค่ะ หนูเคยเข้าใจผิดว่า ต้องรวบรวมบารมีทั้งหมดเพื่อถึงที่สุดแห่งทุกข์ แต่อยู่ ๆ วันนี้มันมีความรู้ขึ้นมาว่า
จริง ๆ คือ “สละ” บุญบารมีทั้งหมดที่สั่งสมมาเพื่อหยุด เพื่อสิ้นพันธกิจ สิ้นเหตุที่ต้องไปต่อ เพราะบุญบารมีทั้งหมดนั้นใช้เพื่อปณิธาน (จุดหมาย) ในการยังประโยชน์
มันกลับตาลปัตรกับที่เคยเข้าใจมาทั้งหมด มันสละทั้งหมดได้ เพราะไม่มี “ใคร” ตรงนั้นอีกแล้ว
เมื่อสิ้นตัวตน ทุกอย่างจะเป็นไปโดย “ธรรม” เอง
“ธรรม” ดำเนินไปโดย “ธรรม”
ไม่มี “ตัวเรา” ที่ต้องใช้บารมีอีกต่อไป
สละทิ้งเสียทั้งหมด จนไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีบุญ ไม่มีบารมี ไม่มีสิ่งใดที่ต้องมี ต้องใช้อีกต่อไป “เป็นดั่งบัวไร้ใย เป็นดั่งพู่กันไร้หมึก” ไปต่อไม่ได้เพราะหมดเชื้อเจ้าค่ะ
น้อมกราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : สละหมด ก็เหนือบุญ (บารมี) เหนือบาป
ไม่มีผู้ไป ไม่มีผู้มา ไม่มีผู้ตั้งอยู่
ไม่มี ไม่เหลืออะไร
เมื่อใจถึงความไม่มี ไม่มีสิ่งที่ถึง ไม่มีผู้ถึงความไม่มี ไม่มีดวงจิตใจ ผู้ทุกข์ก็ไม่มี
เมื่อหยุดแล้ว พอแล้ว
เมื่อสิ้นหลงมีตัวตน มีตัวเรา ของเราแล้ว
เมื่อสิ้นผู้เสวย หรือ สิ้นผู้ยึดมั่นถือมั่นแล้ว
เมื่อสิ้นกิเลส ตัณหาแล้ว
เมื่อหลุดพ้นแล้ว
เมื่อนิพพานแล้ว
***** ก็รู้ว่า สิ้นตัวตน สิ้นผู้เสวย สิ้นกิเลส ตัณหา หลุดพ้น นิพพานแล้ว
พระอริยะทั้งหลาย อยู่กับ “รู้” นี้
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2565