โยม : กราบเรียนหลวงตา เมื่อวานฟังไฟล์เสียง "ความดิ้นรนของกบในกะลา" ที่หลวงตาสอนคุณหมอกอล์ฟอีกรอบ มันโดนตรงที่หลวงตาบอกว่า "ความอยาก" มันเหมือน "เสี้ยนแทงใจ" ลูกรู้สึกว่าใช่เลยเจ้าค่ะ ถ้ายังมีความอยากความยึดถือในสิ่งใดอยู่ จะเป็นทางโลกก็ตาม... เป็นทางธรรมก็ตาม มันก็เหมือนกับเสี้ยน ไม่เอาออกมันก็ต้องเจอแบบนี้ ใครที่มีจิตรู้จิตเห็นเช็คตรวจสอบได้หมดว่าเราไปทำอะไรมา เพราะว่ามันปรากฏร่องรอยให้ตรวจสอบได้ใช่ไหมเจ้าคะ เพราะในขณะจิตนั้น... มันไม่สิ้นตัวตน แล้วก็ฟังที่หลวงตาบอกว่าสัญญาณชีพต่าง ๆ ของร่างกายหมอเค้าเอาเครื่องมือมาตรวจวัดได้ เพราะมันเป็นเพียงการเคลื่อนไหวของคลื่นพลังงาน มันก็เห็นว่าความคิดต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้น หมอเขาเอาที่วัดมาติดเป็นคลื่นไฟฟ้าสมองแสดงความเคลื่อนไหวได้เหมือนกัน เลยถึงใจว่าสรรพสิ่งที่คิดขึ้นมาเป็นเรื่องราวนั้นไม่มีอะไรเลยเจ้าค่ะ มีแค่คลื่นพลังงาน มันก็สำนึกว่าตัวเองก็เป็นหมออยู่กับสิ่งเหล่านี้มาตลอด... ความจริงต่าง ๆ มันตำตาตำใจ แต่เราไม่เคยรู้ความจริงนี้เลย เหมือนกับเราอยู่บนโลกที่มันกลมแต่เราไม่เคยรู้ว่า... ที่แท้แล้วโลกมันกลมเจ้าค่ะ พ้นจากความคิด... พ้นจากพลังงานที่คิดเป็นตัวเรา ของเรา ขึ้นมาแล้ว มันก็ไม่พบว่าตัวเราจะอยู่ที่ไหนได้อีก... หาตัวเราไม่เจอเจ้าค่ะ ใจมันเป็นยิ่งกว่าความสงบ เพราะมันเหมือนกับใจมันหายไปเลยเจ้าค่ะ ผิดพลาดคลาดเคลื่อนประการใด ขอหลวงตาโปรดเมตตาแก้ไขด้วยเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ หลวงตา : ธาตุรู้แท้ตามธรรมชาติ จิตเดิมแท้ (ฐีติภูตัง) หรือ ใจบริสุทธิ์ เป็นธรรมชาติที่ว่างเปล่าจากสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา... ว่างเปล่าจากรูปลักษณ์ ว่างเปล่าจากรูปนาม มันจึงไม่มีความรู้สึกเป็นสุข... ผ่องใส หรือ ความรู้สึกเป็นทุกข์... เศร้าหมอง และมันไม่ใช่ความรู้สึกว่าง หรือ อารมณ์ว่างที่ถูกรู้ ว่างเปล่าจากสสาร... พลังงาน ว่างเปล่าจากความสว่าง และ ความมืด ซึ่งความสว่าง และ ความมืดสลับหน้ากันเกิดดับในความว่าง ว่างเปล่าจากความคิด... ความปรุงแต่งทั้งหมด จึงไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการตั้งนิ่งหยุดอยู่ มันไม่ใช่ความว่างของอากาศ ไม่ใช่ความว่างของ "อรูปฌาน" “จิตเดิมแท้ (ฐีติภูตัง)” เป็นความสงบ เงียบ สงัด ว่างเปล่าเป็นหนึ่งเดียวกับความเงียบ สงบ ว่างเปล่าในธรรมชาติอันไม่มีขอบเขต โดยไม่มีความรู้สึกว่ามีอะไรมาแบ่งแยกภายในกับภายนอกออกจากกัน มันเป็นความสงบ เงียบ สงัด ว่างเปล่า ที่เป็นความบริสุทธิ์สมบูรณ์ของธรรมชาติที่เป็นเช่นนั้นเอง ไม่มีสิ่งใดจะทำให้เกิดขึ้น หรือ ดลบันดาลให้เป็นอย่างนั้นได้ ไม่มีการเกิด-ดับ และ ไม่อาจถูกทำลายให้หายไป จึงเป็นอมตะธาตุ หรือ อมตะธรรม ***** จะพบจิตเดิมแท้ หรือ ใจบริสุทธิ์ได้ มีเพียงกรณีเดียวเท่านั้น ต้องสิ้นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน เท่านั้น ถ้าสิ้น “อวิชชา” ซึ่งเป็นความไม่รู้แจ้งสัจธรรมความจริงจึงหลงยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวเราเป็นของเรา ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นความเห็นผิดจากความจริงของธรรมชาติว่า “สิ่งใดเกิด (สังขาร) สิ่งนั้นดับ สิ่งใดไม่เกิด สิ่งนั้นไม่ดับ และ สิ่งเกิดดับ ย่อมเกิดดับในธรรมชาติไม่เกิดดับ” “ธรรมชาติไม่เกิดดับ” มีเพียงหนึ่งเดียว (เอโกธัมโม) คือ จิตเดิมแท้ หรือใจบริสุทธิ์ ดังนั้นเมื่อสิ้นหลงสังขาร คือ สิ้นหลงเอาสังขารความคิดปรุงแต่ง มาปรุงแต่งยึดมั่นเป็นตัวเรา... เป็นของเรา... ก็จะไม่มีตัวเราหลงยึดมั่น "สังขาร" และ "วิสังขาร" ซึ่งเป็นจิตเดิมแท้ หรือใจบริสุทธิ์ *****จะมี “อาสวักขยญาณ” รู้แก่ใจว่า บัดนี้สิ้น “อาสวะ” หรือ สิ้น “อวิชชา ตัณหา อุปาทาน” และ เป็น “ฐีติญาณัง” รู้แก่ใจว่าเป็น “จิตเดิมแท้ หรือ ใจบริสุทธิ์” อย่างเป็นอมตะตลอดไป เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้. หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโยโอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา5 กันยายน 2564 ----------- อ่าน-ฟัง สื่อธรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อความแจ่มแจ้งถึงใจเพิ่มเติม----------- ฟังจากยูทูป :210831A-1 ความดิ้นรนของกบในกะลาhttps://youtu.be/2oUVerkeVxg ฟังจากยูทูป :▪︎ฐีติภูตัง คือ พ่อแม่ของอวิชชา▪︎หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตhttps://youtu.be/77iyt4MKvzM โอวาทธรรรมhttps://www.facebook.com/JD.PHADANG/photos/a.539412916104336/1127624697283152/?type=3 โอวาทธรรม▪︎ความเข้าใจเรื่องจิตเดิมแท้ หรือ ฐีติภูตัง▪︎http://www.luangtanarongsak.org/home/index.php/2560-3/qa-may-61/item/1802-2018-05-04-15-19-09▪︎เล่าเรื่องคืนบรรลุอรหันต์ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต"▪︎https://bit.ly/3DP72j7