โยม : น้อมกราบนมัสการองค์หลวงตาครับ
กราบเรียนองค์หลวงตาว่า ได้รับการอบรมธรรมจากองค์หลวงตา และปฏิบัติธรรมมาจนปัญญาเห็นว่าผู้รู้มันรู้อยู่ตลอดเวลา ส่วนสิ่งที่ถูกรู้ไม่ใช่เราเลยขอรับ (หากมีสติอยู่โดยไม่หลง) จะเห็นผู้รู้ตลอดเวลาเลยขอรับ มันจ้าอยู่อย่างนั้น
แต่สิ่งที่ถูกรู้เกิดดับตลอดต่างจากผู้รู้ มันรู้อยู่อย่างนั้น... ไม่ว่าอะไรจะผ่านมามันเห็นหมดแต่ไม่จับยึดสิ่งนั้น
กราบเรียนองค์หลวงตาว่าผมปฏิบัติถูกหรือไม่ครับ และเมื่อผมอ่านหนังสือของลุงหวีด มันชัดมากเลยขอรับ
ผมกราบเรียนองค์หลวงตาว่าผมปฏิบัติถูกหรือไม่ขอรับ และถึงจุดนี้ผมต้องปฏิบัติต่ออย่างไรขอรับ น้อมกราบขอความเมตตาขอรับ
หลวงตา : สักแต่ว่ารู้ แต่ไม่ยึด “รู้”
โยม : น้อมกราบองค์หลวงตาในความเมตตาขอรับ... สาธุ... สาธุ... สาธุ... ขอรับ
กราบองค์หลวงตาครับเข้าใจแล้วครับ ธรรมทั้งหลายมีอยู่แต่ไม่มีผู้ยึดถือทั้ง "สมมุติ" และ "วิมุตติ" เป็นธรรมชาติที่เป็นอยู่เช่นนั้นนับแต่อนันตกาล
มันเป็นของมันเช่นนั้นเอง จะมีอยู่ หรือ ไม่มีอยู่ ก็เป็นเหตุและผลในตัวของมันเอง
เรา คือ นกที่อิสระจากต้นไม้ และท้องฟ้าใช่มั้ยครับองค์หลวงตา คือไม่ได้เป็นทั้งต้นไม้ และ ท้องฟ้า
น้อมกราบขอขมากรรมองค์หลวงตาที่รบกวนขอรับ
หลวงตา : ไม่ใช่เรา คือ นกที่อิสระ... แล้ว
แต่ "ธรรมธาตุ" เป็นอิสระ... จากความหลงยึดเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
โอวาทธรรมจากปุจฉาวิสัชนา
13 มีนาคม 2564
~~~~~~~~~~~~~~~