ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาครับ ขอโอกาสกราบเรียนจากข้อความนี้ครับ “กราบนมัสการหลวงตากราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ วันนี้ขออนุญาตส่งการบ้านหลวงตาพร้อมภาพประกอบเจ้าค่ะ จากที่หลวงตาเคยสอนว่าจริง ๆ แล้วมันมี 3 ส่วนอยู่ในตัวเรา คือ รูปขันธ์ นามขันธ์ และก็ธาตุรู้ ซึ่งแต่ละส่วนต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง ส่วนที่ 1 รูปขันธ์หรือกายเรานี้ ก็มีอายตนะภายใน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ที่คอยสัมผัสรับรู้สิ่งต่าง ๆ จาก อายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมชาติของเขา ส่วนที่ 2 นามขันธ์ ซึ่งประกอบไปด้วย วิญญาณขันธ์ จะมีหน้าที่รับรู้ความรู้สึกจากรูปขันธ์ และส่งต่อให้อีก 3 ขันธ์คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ส่วนที่ 3 ธาตุรู้ ก็มีหน้าที่เพียงแค่ “รู้” ไม่มีรูปร่าง ไม่มีที่อยู่ ไม่มีตัวตน เป็นแค่ธาตุธาตุหนึ่งของธรรมชาติ ทั้ง 3 ส่วนนี้ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองจะแทรกแซงกันไม่ได้ เพียงแต่เกี่ยวเนื่องกัน เมื่อกายหรือรูปขันธ์กระทบสัมผัสจากภายนอกแล้ว วิญญาณขันธ์รับรู้และส่งต่อ เวทนา สัญญา สังขาร เลยทำให้เกิดการปรุงแต่ง คิดนึกต่าง ๆ โดยมีธาตุรู้ทำหน้าที่รู้เท่านั้น รู้ทุกอย่างที่คิด วิญญาณขันธ์จะไปทำหน้าที่รู้ไม่ได้ เพราะการไปทำเป็นรู้ มันคือหลงแล้ว หลวงตาเคยเตือนหนูหลายครั้งว่า “อย่าหลงเอาสังขารที่คิดหรือปรุงแต่ง แสดงอาการอย่างใด ๆ ได้มาเป็นวิสังขาร หรือ อสังขตธาตุ” แต่หนูก็หลงเอาสังขารไปทำเป็นวิสังขารหรือทำเป็น “รู้” คิดว่านั่นคือ “แค่รู้” ที่หลวงตาเคยสอน แท้จริงแล้วมันคือรู้ปลอม มันเป็นหลง หลงสังขาร จริง ๆ แล้ว “รู้” หรือ “แค่รู้” น่าจะเป็น “รู้ทุกอย่างตามความเป็นจริง แต่ไม่ยึดสักอย่าง… ปล่อยวาง” มันน่าจะเป็นหน้าที่ของนามขันธ์หรือของส่วนที่ 2 มันไม่ใช่ “ธาตุรู้” ของพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวก หนูหลงโง่อยู่ตั้งนาน โดนสังขารหลอกเจ้าค่ะ มัวแต่เอาสังขารไปทำเป็น รู้ มันเลยไม่พบ รู้จริง ๆ รู้แท้ ๆ สักที ขนาดหลวงตาเตือนแล้ว มันก็ยังไม่เห็น อย่างนี้แหละเจ้าค่ะ มันต้องโง่ก่อน ต้องเรียนรู้เองมันถึงจะเห็นเองเจ้าค่ะหลวงตา กราบขอบพระคุณหลวงตาเป็นอย่างสูง ที่โปรดเมตตาสั่งสอนเจ้าค่ะ ” เมื่ออ่านแล้วพบได้ว่า “ธาตุรู้” ในที่หมายถึง “รู้” อาการที่เกิดจาก เวทนา สัญญา สังขาร ทำงานร่วมกัน แล้วเกิดเป็นสังขารปรุงแต่งขี้นมา ซึ่ง “ธาตุรู้” นี้ ก็ทำหน้าที่รู้สังขารปรุงแต่งนั้นแบบเก้อ ๆ เฉย ๆ เราไม่อาจหา “ธาตุรู้” พบได้เพราะ “ธาตุรู้” ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง ไม่มีที่อยู่ แต่ “ธาตุรู้” นี้ พบได้ตอน รู้ว่ารู้อะไรเท่านั้น (หมายถึงรู้สังขารปรุงแต่งเท่านั้น) ณ ขณะปัจจุบันนั้น เพียงไม่หลงเข้าไปยึดถือ สังขารปรุงแต่งและธาตุรู้ ก็จะกลายเป็นความว่าง คือว่างจากการยึดถือทั้งสังขารปรุงแต่ง และว่างจากการยึดถือธาตุรู้ แต่ “ธาตุรู้” ก็ยังทำหน้าที่อยู่เหมือนเดิม คือ รู้สังขารปรุงแต่งไปตามปรกติตามธรรมชาติของ “ธาตุรู้” ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องหา “ธาตุรู้” เพราะ “ธาตุรู้” มีอยู่แล้วแต่เดิม และไม่มีเหตุผลที่จะต้องหาความว่าง เพราะความ “ว่าง” มีอยู่แล้วแต่เดิม เพียงแต่ไม่หลงยึดถือสังขารปรุงแต่งและธาตุรู้เท่านั้น ก็จะกลายเป็นความว่างอัตโนมัติ จึงขอโอกาสกราบเรียนหลวงตาเมตตาพิจารณาครับ กราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงตาครับ หลวงตา : สาธุ ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2561