ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา เมื่อเช้าตื่นมามีน้ำมูกและไอ (น่าจะเป็นภูมิแพ้เดิม) แต่เรื่องของเรื่องคือ พอไปขากเสมหะ ปรากฏว่าที่ไอออกมา เสมหะเป็นก้อนเลือดและเลือดสด
แต่มันก็ไม่ได้ตกใจ สติแตกหรืออะไร มันก็แค่รับรู้ และคิดพิจารณานิดหนึ่ง ว่ายาเคโมมีผลต่อเส้นเลือด เปราะบางและออกง่ายกว่าปกติได้อยู่แล้ว หรือถึงจะเป็นอะไรที่ร้ายแรงกว่านั้น มันก็แล้วแต่กรรมจะต้องเป็นไปอยู่ดี แล้วมันก็เลิกคิดไปและนอนทำพลังลมปราณเจ้าค่ะ
ปกติลูกทำพลังลมปราณแบบจุ่มน้ำเป็นส่วนใหญ่ แต่พอมาคราวนี้นอนทำแบบแห้ง ปรากฏว่า ท่องได้ไม่เท่าไหร่ก็สัมผัสได้ชัดเจนว่ามีพลังเข้ามาจากรอบทิศ และพลังภายในก็ขยายออก ตอนนั้นก็แปลกใจมากว่า นี่มันเชื่อมพลังได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ตัวเลยเจ้าค่ะ
เลยทำพลังลมปราณต่อกันไปเรื่อย ๆ จนหลับไป ในฝันเหมือนจะพยายามท่องต่อ แต่ท่องผิดท่องถูก แล้วก็ตื่นมาท่องอีก
สักพักพอสติตื่นเต็มที่ก็หยุด และสังเกตว่า อ้าว หายหมดแล้วนี่ ไอ น้ำมูก เลือดออก ไม่มีเลยเจ้าค่ะ วันทั้งวันก็อยู่ปกติดีเจ้าค่ะ
และเห็นอวิชชาที่ซ่อนอยู่บ่อยขึ้น แต่เห็นอย่างไรมันก็ไม่ได้สามารถทำอะไรได้ ได้แต่รู้เลยเจ้าค่ะ
หลวงตา : “อวิชชา” ความไม่รู้สัจธรรมความจริงของธรรมชาติที่ประกอบขึ้นมาเป็นขันธ์ห้าว่า ประกอบด้วยธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ ธาตุรู้ (วิญญาณธาตุ) ไม่มีอะไรเป็นอัตตาตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
ดังนั้น เมื่อไม่รู้ความจริง (อวิชชา) ก็สอนจิตให้มันรู้ความจริง (วิชชา) เสีย มันจะได้สิ้นหลงยึดมั่นว่ามีอัตตาตัวตน เป็นตัวเรา เป็นของเราเสียที
ก็แค่นั้นเอง
ไม่เห็นจะมีอะไรเป็นแก่นสารสาระ เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ……… เป็นปกติธรรมดาของธรรม (ธรรมชาติ)
***** จากไม่มี เกิดหรือมีขึ้นมา แล้วก็ดับกลับคืนสู่ความไม่มี
“สัจธรรม” มีแค่นี้จริง ๆๆๆ … นะ!!!
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565