ผู้ถาม : น้อมกราบขอโอกาสส่งการบ้านเจ้าค่ะ หลังจากดูคลิปท่านอาจารย์โดเก็น ตอนที่เอาดาบฟันพระจันทร์ในน้ำ
ความมี : ไม่เคยมีอยู่จริงๆ...
พระจันทร์ไม่มี : ใจไม่มี…ที่มีไม่ใช่ใจ
แล้วมันก็พูดว่า…ผิดตัว ผิดตัว ผิดตัวๆ…
ร้องไห้มากเจ้าค่ะ
เดี๋ยวนี้มันเหมือนมีเสียงกระซิบเบามากๆ… “พ้นรู้”
เมื่อคืนทำพลังลมปราณก็ได้คำตอบว่า… “พ้นรู้ จึงสงบ”
พอตรึก…ทำไง?
ตอบ…เลิกสนใจรู้ เจ้าค่ะ
ที่ผ่านมา มันมีเราในรู้เจ้าค่ะ “รู้” มันเป็นความมี มันมีค่า มีความหมาย
แต่ช่วงที่ไม่มีอะไรเลย มันไม่สนใจกระทั่งว่าจะรู้ หรือไม่รู้ เหมือนเป็น ความสงบตามธรรมชาติ มันก็ไม่มีอะไรที่จะพูดเจ้าค่ะ
ความเบื่อหน่ายที่จะฟังธรรมยังมีอยู่มาก ฟังไฟล์เสียงได้หน่อยมันก็ปิดแล้วเจ้าค่ะ พอสงบยิ่งไม่ฟังเลย
และอีกอย่างที่หนูกราบขอขมา พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ กราบขอขมาพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงตาด้วย คือ เหมือนลึกๆ ในใจมันรู้ว่า ทุกอย่างอยู่ในนี้หมดแล้ว ของจริงกำลังแสดงตรงนี้เจ้าค่ะ
น้อมกราบส่งการบ้านองค์หลวงตา หนูน้อมกราบขอบพระคุณแทบเท้าองค์หลวงตา ที่เมตตาสั่งสอนหนูมาโดยตลอด
และช่วงนี้มันระลึกถึงบุญคุณครูบาอาจารย์แต่ละองค์ แต่ละท่านที่เคยเมตตาสอนสั่งมาตลอดเส้นทางเจ้าค่ะ
น้อมกราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ… สาธุ… สาธุ
ธรรมะ หรือ ธรรมชาติ เขาเป็นเช่นนั้นเอง
เป็นธรรมชาติ (ธาตุรู้) รู้ “สัจธรรม” ความจริงตามธรรมชาติของสังขาร และ วิสังขาร
“สสาร” ได้แก่ สสารทุกชนิด รวมทั้งโครงร่าง อวัยวะต่างๆ จนถึงอนุภาคขนาดที่เล็กๆ ที่สุดที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เช่น อะตอม เป็นต้น
นอกจากนี้ ในสสารทุกชนิดจะมีคลื่นพลังงาน แม้แต่ในความว่างของธรรมชาติ (อากาศหรืออวกาศ) ก็มีคลื่นพลังงาน คลื่นพลังงานทุกชนิด เช่น คลื่นพลังงานความคิด รวมทั้งความคิดปรุงแต่งยึดถือเป็นตัวเรา ของเรา อาการ หรือ อารมณ์ต่างๆ คลื่นพลังงานจิต หรือ อำนาจจิต คลื่นพลังงานธรรมชาติ คลื่นพลังงานเสียง คลื่นพลังงานแสง คลื่นพลังงานไฟฟ้า คลื่นพลังงานแม่เหล็ก เป็นต้น
ซึ่งธรรมชาติของสังขาร ซึ่งเป็นสสาร พลังงาน ความว่าง กาลเวลา ล้วนไม่คงที่มีการเปลี่ยนแปลง เคลื่อนไหว เกิดดับอยู่ตลอดเวลาในธรรมชาติที่ไม่มีอะไรปรากฏ ไม่ปรุงแต่ง ไม่เกิดดับ เรียกว่า “วิสังขาร” หรือ ธาตุรู้ หรือ จิตหรือใจเดิมแท้ ซึ่งสามารถรู้ความจริงของ “สัจธรรม” ความจริงของธรรมชาตินี้ได้
***** ที่สำคัญที่สุด ต้องรู้แจ้งจากธาตุรู้ (ใจ) ว่า ร่างกาย (รูป) นาม (เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ) รวมทั้งความคิด ความรู้สึกยึดถือเป็นตัวเรา เป็นของเรา เป็นเพียงสิ่งเกิดดับในธรรมชาติที่ไม่เกิดดับ หาได้เป็นอัตตาตัวตน เป็นเรา ตัวเรา ของเราที่คงที่เที่ยงแท้ให้ยึดมั่นไว้ได้จริงๆ
แม้แต่แสง สี สว่างออกมาจากจิต หรือ กายทิพย์ ซึ่งเรียกว่า ออร่า ก็เป็นสิ่งเกิดดับในธรรมชาติไม่เกิดดับ
“นิพพาน” หรือ “นิพพานธาตุ” ได้แก่ ธรรมชาติของวิญญาณธาตุ ธาตุรู้ หรือ จิต หรือ ใจที่ไม่ปรากฏ ไม่เกิดดับ ซึ่งไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา สสาร พลังงาน ความว่าง (อากาศ) กาลเวลา
ดังนั้น ธรรมชาติที่ไม่ปรากฏ (วิสังขาร หรือ นิพพาน) นี้ จึงไม่อาจใช้ความคิด ความปรุงแต่ง ในทางวิเคราะห์ ตรรกะ ปรัชญา เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ แม้แต่จิตทิพย์ไปดู ค้นหาได้
***** มีเพียงกรณีเดียวเท่านั้น จะต้องไม่หลง “สังขาร” คือ ความคิดปรุงแต่งหลงยึดมั่นว่าเป็นอัตตาตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา เสียเท่านั้น
“ใจ” ก็จะเป็นธรรมชาติเดิมที่ไม่มีความปรากฏ ไม่เกิดดับ ไม่ปรุงแต่ง จึงเป็นความสงบโดยธรรมชาติของเขาเอง มีชื่อสมมติว่า “นิพพาน”
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564