ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาด้วยใจเคารพนอบน้อมเจ้าค่ะ กราบขอโอกาสเจ้าค่ะ ปฏิบัติตามที่หลวงตาเมตตาสอนมาตลอด ก็คือ ให้มีสติ อยู่กับรู้
รู้เท่าทันสังขารปรุงแต่ง
ปล่อยให้สังขาร เกิดเอง ดับเอง เกิดเอง ดับเอง ไม่มีใครไปยุ่งวุ่นวายกับเขา
สุดท้าย ไม่มีใครยึดทั้งสังขาร และ ยึดรู้หรือวิสังขาร
สังขารและวิสังขารเค้าเป็นธรรมชาติที่อยู่ร่วมกัน ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเองเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ แทบเท้าหลวงตา พ่อแม่ครูอาจารย์ที่เมตตาสั่งสอนเหล่าศิษย์ อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเจ้าค่ะ
หลวงตาจะให้พิจารณากายหรืออสุภกรรมฐานร่วมด้วยเหรอเจ้าคะ ถามหลวงตาให้แน่ใจว่าเข้าใจถูกต้องเจ้าค่ะ วันก่อนหลวงตาแนะให้พิจารณาที่ “อวิชชา” เน้น ๆ เจ้าค่ะ
หลวงตา : มี “อวิชชา” ก็เพราะหลงยึดถือกายและจิตใจ ว่าเป็นตัวตน เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา
ให้พิจารณากัดติดจดจ่ออย่างต่อเนื่อง จนรู้เห็นสัจธรรมด้วยใจจริง ๆ ว่าทั้งสังขาร และ วิสังขาร เป็นธรรมชาติของเขาอย่างนั้นเองตลอดเวลา หรือ สังขารเกิดดับในธรรมชาติที่ไม่เกิดดับ (วิสังขาร)
เป็นเพราะ “อวิชชา” ความโง่ ความไม่รู้ ความหลง จึงหลงยึดถือธรรมชาติที่เป็นสังขาร (สังขารธรรม) และ
ธรรมชาติวิสังขาร (อสังขตธรรม) มาเป็นของเรา เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา
“นิพพาน” ไม่ใช่ความว่างที่มีตัวเราเป็นผู้เสวย
ไม่มีเรา ตัวเรา ไปได้ ไปถึง ไปเป็นนิพพาน
มีแต่หายโง่ ไม่มีตัวตนของผู้ยึดถือ หรือ อวิชชาดับเท่านั้น… ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ.... ความทุกข์ทั้งมวลก็ดับพร้อม
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562