ผู้ถาม : ส่งการบ้านเพิ่มเติมเจ้าค่ะ
ใจมันบังคับไม่ได้ มีแต่ความวุ่นวายไปตามการกระทบ และก็ไปหยุดมันไม่ได้ ยิ่งจะไปคิดธรรมะใดให้มันหยุด ไปรู้ละปล่อยวาง แม้แต่การบอกตัวเองว่า "ปล่อยมันเป็นอย่างที่มันเป็น" แต่มันก็ไม่อาจหยุดได้เลย มีแต่ความมั่วซั่ว หาต้นไม่เจอ หาปลายไม่พบ ไม่รู้จะอย่างไร บังคับมันก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่ปล่อยมัน สุดท้ายจึงระลึกถึงความตายของตัวเราเอง ไม่ต้องคิดคำพูด แค่ระลึกขึ้นมา ทุกสิ่งที่กำลังมั่ว ๆ ซั่ว ๆ อยู่ ก็ดับสนิทจากข้างใน ความร้อนในใจทั้งมวล มันดับลงเลยในขณะจิตเดียว
ธรรมมันขึ้นมาว่า "ความตายเป็นที่พึ่ง" มันถึงธรรมนั้นด้วยใจ น้ำตาไหลเลยเจ้าค่ะ สงบ สงบลึกเหมือนน้ำอมฤต ดับไฟทั้งหมดได้จริง ๆ
หลังจากมันสงบสักแป๊บหนึ่ง นอน ๆ อยู่ นิมิตจึงขึ้นมาเอง รอบห้องทั้งห้องเป็นคนมากมายอยู่ในงานศพ ตัวเรานอนตรงกลางอยู่ในที่วางศพ มันรู้ว่า นี่ก็งานศพของเรา มันไม่ได้ทุกข์หรือเสียใจเลย แต่ในนิมิต ตัวเรายังหายใจกระเพื่อมอยู่ ยังมีความเป็นตัวตนอยู่เจ้าค่ะ
สักพักมีแมวน่ารักขนฟูอยู่ใกล้ ๆ มันไปจับเล่น แล้วแมวนั้นมันก็ตายให้เห็น พอมันตายก็รู้ถึงความตาย แค่รู้เท่านั้น และตัวแมวเริ่มเปลี่ยนสภาพแดงลอก ในนิมิตทั้งหมด ยิ่งเกิดมันยิ่งรู้สึกวาง และถึงใจอย่างทรงพลัง มากกว่าการน้อมในชีวิตประจำวันเฉย ๆ มาก แมวที่ตาย เหมือนเราต้องตายด้วย
แต่มันได้แค่นั้นเจ้าค่ะ นิมิตได้ถึงแค่แมวเริ่มเปลี่ยนสภาพพอให้รู้ว่าตาย และตัวเราตาย แต่มันไม่ยอมไปต่อแล้ว ตายยังไงก็ยังเหลือตัวแมว พอจะไปต่อให้มันสลายสู่ความสิ้นสมมติ มันไม่ยอมให้เห็นความจริงนั้นด้วยใจ อยู่ ๆ ภาพที่ชัด มันเลือนไปเฉย ๆ แต่พอกลับสู่แค่ "ความตาย" มันก็กลับมาชัดใหม่ พอสู่ "ความสลายไม่เป็นตัวตน" ภาพก็เลือนอีก เป็นอยู่แบบนี้เจ้าค่ะ
ธรรมเลยขึ้นมาว่า ยอมรับความตายด้วยใจ เห็นความตายด้วยใจแล้ว แต่ไม่อาจยอมรับความสิ้นตัวตนด้วยใจ ให้น้อมความจริงต่อในความสิ้นตัวตน เมื่อน้อมต่อในการเปลี่ยนแง่มุมว่า "เมื่อตายไป ความเป็นคนชื่อนี้ ตัวตนแบบนี้ เป็นสมมติ เป็นแมว เป็นสัตว์ใด ๆ ล้วนไม่มี" มันก็วางและสงบได้ แต่ก็ต้องน้อมอยู่เจ้าค่ะ
ไม่ทราบว่าที่เห็นนี่เป็นตามธรรมนั้นไหมเจ้าคะ เริ่มไม่ไว้ใจตัวเอง ต้องเช็คกับหลวงตาเจ้าค่ะ
หลวงตา : พระธรรมเมตตามาสอนแล้ว ว่า
“ธรรมเลยขึ้นมาว่า ยอมรับความตายด้วยใจ เห็นความตายด้วยใจแล้ว แต่ไม่อาจยอมรับความสิ้นตัวตนด้วยใจ ให้น้อมความจริงต่อในความสิ้นตัวตน เมื่อน้อมต่อในการเปลี่ยนแง่มุมว่า “เมื่อตายไป ความเป็นคนชื่อนี้ ตัวตนแบบนี้ เป็นสมมติ”
ให้น้อมจนกว่าใจจะยอมรับว่าตัวเราก็ต้องตาย ดับสนิทไม่เหลือตัวตน หรือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ
“นิจฉาโต ปรินิพพุโตติ”
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562