ผู้ถาม : หลวงตาคะ โยมรบกวนปรึกษาค่ะ คือว่า โยมเพิ่งได้รู้ว่า ธรรมคือเรียนรู้กายใจตามความเป็นจริง และก็ก่อนหน้านี้ โยมเคยมีการเปลี่ยนแปลงทางจิตบ่อยมาก
แล้วเราก็โลภ อยากมาก เราไม่ชอบ โยมเลยอธิษฐานจิตว่าอย่าให้รู้เห็นอะไรเลย และก็จะรู้สึกเสมอว่า นิพพานมันไกลและยากมาก เราไม่ต้องการอะไรมากแค่ไม่ตกอบาย แค่โสดาบันก็พอ ...
ทีนี้ พอมาดูจิตเลยไม่ค่อยเห็น และก็ฟังธรรมอาจารย์แล้วไม่ค่อยเข้าใจ ภาวนาไม่เป็น เวลาฟังธรรมเรื่องทำดีละชั่ว ธรรมฆราวาสจะชอบฟังและเข้าใจมากกว่า ...
แต่ว่าตอนนี้ เห็นเจ้ ปฏิบัติกับหลวงตาแล้วได้ผลดีมาก ดูสว่างสงบ ก็เลยอยากจะปฏิบัติแล้วเป็นแบบเจ้
แต่ว่ามีครูบาอาจารย์ท่านว่า จิตโยมสับสน ควรเลือกเรียนทางเดียว ไม่อย่างนั้นจะใช้เวลานาน
(คือว่าโยมรู้ตัวว่าตัวเองอินทรีย์อ่อน ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อม เลยพยายามใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พยายามเดินสาย แต่ว่าถ้าไปหาหลวงตา กลัวว่าไปฟังหลายคนช่วยสอน จิตจะยิ่งมั่ว)
ตอนนี้ โยมควรทำเหตุอย่างไรดีคะ เพื่อให้จิตพัฒนาไปเป็นแบบเจ้ แบบไม่ช้าไม่วนเสียเวลาหนะค่ะ ขอบพระคุณหลวงตามาก และขอขมา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ครูอาจารย์
และหลวงตาด้วยค่ะ
หลวงตา : ถามเจ้นะ เจ้ว่าอย่างไร มาบอกบ้าง
ผู้ถาม : ได้ค่ะ โยมบอกเจ้ว่า ไม่เข้าใจเรื่องปล่อยวางผู้รู้ ตามที่โยมเข้าใจเจ้อธิบายว่า มันมีตัวที่ถูกรู้ กับ ตัวผู้รู้ เสมอ ให้วางตัวผู้รู้ตัวสุดท้ายทุกครั้ง รู้ว่ามันไม่ใช่เรา คือ มันเป็นตัวที่เงียบ แต่ว่าโยมสงสัยในการปฏิบัติว่าจะทำอย่างไร
เจ้เลยบอกให้รู้สภาวะปัจจุบันที่สงสัย อยากรู้ไป รู้ปัจจุบันไป ไม่เป็นไรเอาแค่นี้ก่อน ...
แล้วอยู่ ๆ มันก็เข้าใจขึ้นมาว่า มันเป็นสภาวะที่ไม่ใช่ทุกตัว มันไม่มี เหมือนที่อาจารย์เคยสอนว่า เหมือนละคร ไม่อิน ... คือมันเหมือนสภาวะตอนที่ปฏิบัติสมัยก่อน คือมันเข้าใจ (แต่ไม่แน่ใจว่าถูกไหม แต่ยังไม่ได้ไหลเข้าไปที่ใจ ไม่รู้จะลืม ? ... คือมันเหมือนรู้ เลยไม่รู้ว่าต้องบริกรรม หรือภาวนา ยังไงค่ะ เหมือนรู้เอง) ...
ตอนนี้ โยมทำยังไงดีคะ หลวงตารู้ปัจจุบัน + เครื่องอยู่ ?
เจ้บอกว่า มันมีตัวพอใจ เห็นมั้ย
ให้รู้ลงปัจจุบันไป มีเครื่องอยู่
หลวงตา : มันเป็นธรรมชาติที่เขารู้ของเขาเอง
ไม่มีตัวตนของผู้รู้
ไม่มีตัวตนของผู้ยึด
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2562