ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ จากธรรมของพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐที่หลวงตาส่งมาวันนี้ ขอหลวงตาโปรดเมตตาอธิบายเกี่ยวกับฐีติจิตคือจิตเดิมแท้ ซึ่งพระอาจารย์จวนท่านกล่าวว่า ต้องมีสมาธิระดับอัปปนาสมาธิถึงจะมีสภาพตรงกัน แต่ความสงบที่หลวงตาสอนสงบจากกิเลส สงบจากการปรุงแต่ง มันเป็นคนละอย่างกันหรือเหมือนกัน ต่างกันอย่างไรเจ้าคะหลวงตา คือเราจะต้องทำให้ได้อัปปนาสมาธิก่อนแล้วถึงจะถึงฐีติจิตหรือเปล่าเจ้าคะ ซึ่งจะแตกต่างกับที่หลวงตาสอนไหมเจ้าคะ คือถ้าคนที่ไม่ได้มีสมาธิ ขนาดนั้นจะสามารถเข้าถึงฐิติจิตหรือจิตเดิมแท้ได้หรือเปล่าเจ้าค่ะ ขอหลวงตาโปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : พระอรหันต์จำนวนมาก จิตไม่รวมถึงอัปปนาสมาธิ ที่เป็นฌาน แต่อัปปนาที่หลวงปู่จวนกล่าวถึงนี้ น่าจะหมายถึง ขณะที่ธรรมเงียบ สงบ สงัดทั้งภายในและภายนอก หรือ โลกธาตุเงียบสงัดไปทั้งหมด ขณะนั้น ฐีติจิต หรือจิตเดิมแท้ เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง เรียกว่า พบใจ พบธรรม แต่ยังไม่ถึงใจ ถึงพระนิพพาน จะต้องพบใจหรือฐีติจิต หรือ จิตเดิมแท้บ่อย ๆๆ.. ก็ด้วยเหตุที่ไม่หลงสังขาร
ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณหลวงตาเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ หลวงตาเจ้าคะ แล้วหลวงปู่หล้าที่ท่านเหาะขึ้นไปบนอากาศ (ที่หลวงตาส่งมาเมื่อวาน) หลวงปู่มั่นท่านบอกว่าเพราะจิตรวมในชั้นอุปจารสมาธิ
ขนาดสมาธิขั้นอุปจารสมาธิ ยังเหาะขึ้นไปบนอากาศได้ ทีนี้ถ้าอัปปนาสมาธิ คงจะแบบเงียบสงัดมากกว่าใช่ไหมเจ้าคะ อย่างที่ไปฟังธรรมหลวงตาแล้วเกิดเงียบสงัดขณะหนึ่ง อันนั้นน่าจะขณิกสมาธิหรือเปล่าเจ้าคะหลวงตา
หลวงตา : ของหลวงปู่หล้าไม่ทราบว่าเป็นความสงบในสมถะหรือในวิปัสสนา เนื่องจากมีรายละเอียดน้อยเกินไป เพราะความสงบในขั้นสมถะ ก็มีทั้งขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิ (จิตรวมเป็นฌาน)
แต่ขณะที่มาฟังธรรมกับหลวงตาแล้วสัมผัสได้ที่ใจว่าโลกธาตุเงียบ สงบ สงัดไปทั้งโลกธาตุ นั้น ไม่ใช่ความสงบในขั้นสมถะ แต่เป็นความสงบในวิปัสสนา ซึ่งเกิดจากในขณะนั้น ไม่หลงสังขาร คือ ไม่หลงยึดถือ ไม่หลงคิด ไม่หลงปรุงแต่ง
ถ้าเงียบ สงบ สงัด ไปทั้งโลกธาตุไม่นานนัก ก็เป็นสมาธิขั้นขณิกสมาธิ
ถ้าเงียบ สงบ สงัดยาวนานมากขึ้นก็เป็นอุปจารสมาธิ
ถ้านิ่งเงียบ… สงบลึก… เงียบสงัดทั้งภายในและภายนอกอย่างฉับพลันเหมือนกับโลกหยุดหมุน โลกธาตุทั้งภายในและภายนอกหยุดเคลื่อนไหวไปทั้งหมด คล้ายกับธรรมชาติที่นิ่งเงียบ สงบ สงัดอย่างฉับพลัน น้ำทะเลลดหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เกิดเหตุคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ แล้วหลังจากนั้นเหมือนโลกธาตุระเบิดออกมาจากข้างในกระเทือนไปทั้งโลกธาตุภายนอก
ต่อจากนั้น ใจจะพบใจ หรือจิตเดิมแท้ หรือ ฐีติจิต ซึ่งเป็นความว่างเปล่า ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปพรรณสัณฐานใด ไม่มีแม้แต่ตัวจิตหรือตัวใจ ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวใด ไม่ปรากฏความเกิดดับ ไม่มีการไป ไปมีการมา ไม่มีการหยุดอยู่ ไม่มีจุดหรือต่อม ไม่มีการเกิดและการตาย
เป็นอมตธาตุ เป็นอสังขตธาตุ เป็นสุญญตาธาตุ เป็นนิพพานธาตุ ไม่มีใครเป็นเจ้าของตลอดกาล
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562