ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ หลายวันมานี้หนูได้ทบทวนตามที่หลวงตาโปรดเมตตาชี้แนะให้ ฟังจากไฟล์นับครั้งไม่ถ้วน ถ้าหลวงตาไม่ได้ชี้แนะให้เห็น หนูก็คงไม่ทราบว่า หนูหลงสังขารมากแค่ไหน มีตัณหาความอยากมากแค่ไหน ยังมีตัวหนูแอบซ่อนเร้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่สังเกตเหตุดี ๆ ก็จะไม่ทราบเลยว่าที่ทุกข์อยู่ทุกวันนี้เพราะอะไร
ภาพธรรมเมื่อวานนี้ "กล้าที่จะทิ้งโลกไหม" มันสะกิดใจมากเจ้าค่ะ ดูเหมือนไม่น่ายาก แต่มันยากมากนะเจ้าคะ กลัวว่าถ้าบวชชีแล้วจะเป็นยังไง แต่ก็อยากบวชนะเจ้าคะ เพราะยังมี "หนู" อยากพ้นทุกข์เจ้าค่ะ กราบเท้าหลวงตาด้วยความเคารพอย่างสูงสุดเจ้าค่ะ
ที่หลวงตาส่งของ dr.kittiwat วันนี้ หนูว่าดอกเตอร์เขาเข้าใจธรรมที่ละเอียดมากนะเจ้าคะ
หลวงตา : กล้า ๆ หน่อย
ผู้ถาม : เจ้าค่ะหลวงตา ขอเวลาเคลียร์เรื่องทางโลกอีกหน่อยนะเจ้าคะ
หลวงตา : ใจเป็นธรรมชาติที่ไม่มีตัวตน มันว่างเปล่าเหมือนกับความว่างของธรรมชาติ จึงไม่อาจจะบรรจุอะไรไว้ได้ ทั้งไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา จึงไม่มีอะไรที่จะต้องเคลียร์
มีแต่ความหลงผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ อวิชชา จึงหลงยึดมั่นถือมั่นขันธ์ห้า หรือ ร่างกายและจิตใจนี้ว่า เป็นตัวตนคงที่ เป็นเรา ตัวเรา เป็นตัวตนของเรา
เราจึงต้องขอเคลียร์เรื่องโลก ๆ ที่เอามาหลงยึดถือไว้ในใจ
แต่แท้ที่จริง มันไม่อาจมีอะไรมาค้างอยู่ในใจได้เลย เพราะใจมันเป็นธรรมชาติที่ว่างเปล่า
สิ่งที่มากระทบหรือสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันเป็นเพียงอารมณ์ที่มากระทบหรือสัมผัสในปัจจุบันขณะ แล้วดับไปเท่านั้น นอกนั้น มันเป็นเพียงความจำ ที่มาคิดปรุงแต่งยึดถือไว้ด้วยความหลงผิด หลงยึดถือ
มันจึงไม่มีอะไรจะต้องเคลียร์ มีอะไรก็ทำไป ด้วยความถูกต้องเหมาะสม
เพียงแต่เข้าใจธรรมชาติของใจจนถึงใจ ว่า ธรรมชาติของใจเป็นธาตุรู้ ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปลักษณ์ ไม่มีการปรุงแต่ง
ไม่เกิดดับ ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการหยุดนิ่ง
“ใจ” เท่านั้น จึงรู้จักใจ ว่าเป็นธรรมชาติไม่ปรากฏอะไรเลย มันเป็นเหมือนกับความว่างในธรรมชาติ
เมื่อใจรู้จักใจ ไม่ใช่รู้จำ ใจก็จะไม่หลงยึดถือเอาสังขารปรุงแต่งมาเป็นใจ หรือ ไม่หลงเอาสังขารมายึดถือใจ
เรื่องของใจ เป็นเพียงเข้าใจใจให้ถึงใจในปัจจุบัน เมื่อไม่หลงสังขาร ก็พ้นทุกข์ในปัจจุบัน โดยไม่ต้องขอเวลาเคลียร์
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562