ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา
อาการมันหนักขึ้นทุกวันเลยเจ้าค่ะ พื้นที่ที่จะยืนในโลกได้มันน้อยลงไปเรื่อยๆ
ตอนนี้พอไปแตะสังขาร คือจะพยายามไปทำอะไรสักอย่าง มันปวดขึ้นมากระทันหัน แบบสุดจะทน ต้องหยุดทันที
วันนี้จะไปทำกายภาพให้ร่างกายดีขึ้น ก็ทำไม่ได้ ไปถึงหน้าห้อง ปวดมากเลย ปวดจนความดันต่ำ ชีพจรต่ำ คนปกติ 120/80 ตอนนั้นลงเหลือ 60/30 ที่ทำงานไม่มีใครเชื่อเลยเจ้าค่ะ บอกเมื่อกี๊ยังดีๆ จะไปป่วยขนาดนั้นได้ยังไง
สรุป ทำงานได้เฉพาะครึ่งเช้า ช่วงบ่ายเขาไม่ให้ทำแล้ว
กลับมาบ้านก็ดีขึ้น แต่พอไปทำงานหรือคิดเรื่องงาน คิดเรื่องพ่อแม่ คิดเรื่องอะไรก็ตาม แม้แต่ธรรมะ ก็คิดไม่ได้ มันปวดทันที
แต่พิจารณากายได้ เพราะเหมือนมันไม่ใช่คิด มันไม่ได้ใช้ความคิด ก็แค่เห็นภาพเฉยๆ
พอจะมีทางแก้ไขไหมเจ้าคะหลวงตา ลูกก็ยื้อ ก็ฝืนจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วเจ้าค่ะ
หลวงตา : ปล่อยขาดใจ
ผู้ถาม : คือ ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไปมันจะตายก็ปล่อยไป หรือเจ้าคะหลวงตา
ไม่ต้องหาทางยื้อไว้ก่อนหรือเจ้าคะ
กราบเรียนหลวงตา
ลูกเข้าใจคำพูดของหลวงตาแล้วเจ้าค่ะ ว่าปล่อยขาดใจ คืออะไร
ตื่นเช้ามามันเห็นความรู้สึกที่ต้องไปทำอะไร ต้องแก้ไข ต้องแก้ปมอะไรสักอย่าง ต้องปฏิบัติ ต้องปล่อยวาง ต้องๆๆๆๆๆ (ที่เห็นได้ เพราะมันเป็นจิตแรก ที่ปรุงขึ้นมาขณะที่สติตื่น มันเริ่มจะไปทำอะไรทันที)
แล้วลูกก็ เอ๊ะ ไม่ทำ สักพักนึงก็จะไปทำอะไรใหม่ ก็ไม่ทำตามอีกและรวมถึง ไม่แก้ไขอะไร ไม่รู้สึกตัวให้มันดับด้วย คือ ไม่ทำอะไรเลย แล้วมันก็หายไปเอง ทุกขณะ
และจิตที่จะไปทำอะไร มันมีอยู่ทุกขณะจริงๆ ก็ต้องปล่อย ไม่แก้ไข ไม่ไหลตามทุกขณะเหมือนกัน แต่พอเห็นมันหายไปเองแล้วสักครั้ง อะไรๆ มันง่ายขึ้นเยอะเจ้าค่ะ
ตอนที่ปล่อยน่ะ คือ ปล่อยเลย ไม่แก้ไขสิ่งใด ใจมันสั่น มันคลอน เหมือนมีอาการเวียนๆหมุนๆ ในเต้น วูบๆ วาบๆ เหมือนคนน้ำตาลต่ำ ก็ต้องปล่อยอีก
มันรู้สึกเหมือนใจจะขาดจริงๆ
ปล่อยจนขาดใจ ทุกสิ่งมันก็จะหยุดของมันไปเอง เหมือนทะเลที่สงบและไม่มีพายุ แต่ในความสงบราบเรียบ ยังมีความกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลาเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2563