ผู้ถาม : ขออนุญาตกราบเรียนถามท่านพระอาจารย์ เรื่องการปฏิบัติของตัวเองเจ้าค่ะ
คือ ตอนนี้พอเริ่มมาเชื่อมการพิจารณากาย ด้วยความว่างจากตัวตน เพราะเป็นธรรมชาติธรรมดาที่เกิดขึ้น มันก็จะน้อมพิจารณาจิต เป็นธรรมชาติธรรมดาไปด้วยเช่นกัน ความรู้สึกถึงธรรมชาติธรรมดาของ กาย และ จิต มันเพิ่มพูนความรู้เหมือนตอกย้ำความว่างจากตัวตนเพิ่มมากขึ้นได้เรื่อยๆ เจ้าค่ะ
โดยที่แทบจะไม่ต้องน้อมเลย ความรู้สึกมันขึ้นมาเองอัตโนมัติ แม้เวลาต้องไปซื้อของตามห้าง ธรรมข้อนี้มันดูฝังแน่นในใจอยู่ตลอดๆ เดินไปๆ ธรรมมันปรากฎ เห็น อนิจจัง อนัตตา ของทุกสรรพสิ่งที่ปรากฎ ทั้งคน และ สิ่งของต่างๆ เหมือนเห็นความไม่เที่ยง แปรปรวน ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของผู้คนที่พบเห็น รวมทั้งตึกรามบ้านช่อง บางทีเคยดูเหมือนคล้ายๆ กำลังจะเริ่มพังพาบให้เราเห็นต่อหน้าต่อตา ก็เคยรู้สึกเจ้าค่ะ
ตอนนี้ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ก็เห็นแต่การพิจารณาธรรม ทั้งกาย และ จิต ในความเป็นธรรมชาติธรรมดาอยู่ในใจตลอดๆๆ และแทบจะไม่ได้ไป พิจารณากายแบบเน่าเปื่อยพุพังอีกแล้วเจ้าค่ะ แต่มีหลายครั้งที่โยมพยายามเชื่อมการพิจารณากาย ลงมาที่ความตาย เพื่อให้สลายไปตามที่ท่านพระอาจารย์เคยบอกย้ำไว้ ให้สลายเป็น ดินสู่ดิน น้ำสู่น้ำ ไฟสู่ไฟ ลมสู่ลม ให้ได้ เลยมีการพยายาม เผาไฟบ้าง ระเบิดให้ปลิวว่อนแตกกระจายบ้างเจ้าค่ะ แต่แป๊บเดียว จิตมันจะวิ่งกลับไปที่เดิมเรื่องธรรมชาติธรรมดา แต่จะมีไปค้นหาธรรมเรื่องอื่นๆ บ้าง เหมือนกับว่าเบื่อเรื่องนี้ล่ะ จะไปพิจารณาธรรมข้ออื่นๆบ้าง อะไรประมาณนี้เจ้าค่ะ
พอมีธรรมข้อไหนที่ยังสงสัย ไม่แจ้ง ก็จะพิจารณาเรื่องนั้นๆ จนกว่าจะแจ้ง บางทีในใจมันก็มีบ่นออกมาว่า โอ๊ย!!จะพิจารณาอะไรกันนักหนา จะอยากรู้ไปถึงไหนเนี่ย (คือมันเหมือนว่า โยมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะพิจารณากาย ความตายให้ลงแก่ใจ จะได้ระเบิดกายทิ้งได้ เหมือนท่านพระอาจารย์ คือ จะทำให้สำเร็จก่อน)
แต่รู้ว่าจิตมันสนุกที่ได้ทำแบบนี้เจ้าค่ะ วิ่งวนค้นหาธรรม เชื่อมธรรมะให้ถึงกัน เพื่อความเข้าใจให้รู้รอบ เช่น ตอนนี้กำลังพิจารณา "จิตเห็นจิตเป็นมรรค" จะต้องเป็นอย่างไรในรายละเอียด เพื่อสิ้นอุปทานขันธ์ห้า
เพราะตามที่ท่านพระอาจารย์สอน คือ เวลาจิตส่งออกนอก มันเป็น สมุทัย ผลคือ ทุกข์เมื่อจิตเห็นจิตจะเป็น มรรค ผลคือ นิโรธ ความดับทุกข์ แต่ตรงนี้ จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง ต้องเห็นอย่างไรเล่า จึงจะสิ้นอุปทานขันธ์ห้า จิตกำลังหาคำตอบอยู่ (ด้วยการปฎิบัติ) เจ้าค่ะ พิจารณาไป บางทีก็บ่นไป ไม่รู้อะไรกันนักหนา ทำไมต้องเป็นแบบนี้เจ้าค่ะ (บ่นตัวเองเจ้าค่ะ)
อยากขอความเมตตาจากท่านพระอาจารย์ชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่า ได้ออกนอกเส้นทางที่ควรเดินหรือเปล่าเจ้าค่ะ
น้อมกราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ
เดี๋ยวนี้ โยมเริ่มเดินตามรอยท่านพระอาจารย์แล้วนะเจ้าค่ะ คือ นอนน้อยลง มันเป็นเองเจ้าค่ะ พิจารณาธรรมได้มากขึ้น แต่ด้วยอายุ 60 แล้ว ไม่ได้แข็งแรงเหมือนท่านพระอาจารย์ที่ไม่หลับไม่นอน ตอนยังหนุ่มๆ อยู่เจ้าค่ะ จะไหวได้สักกี่น้ำไม่ทราบเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ!!!
ในปัจจุบันขณะ ญาณมันรู้เห็นชัดเจนธรรมแจ่มแจ้งลงแก่ใจในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม นั้นถูกต้องตามธรรมแล้ว
ให้เพียรมีสติ สมาธิ ปัญญา รู้เห็นธรรมในปัจจุบันขณะนั้นๆ อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ก็จะสิ้นสงสัย
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2563