ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตาเจ้าค่ะ
จิตตนครมันเป็นนครที่ไม่มีรอยรั่ว มรรคทั้งหมดอยู่ในนี้ แม้แต่สังขารความคิดเรื่องโลกเรื่องธรรมใดๆ ก็ตาม มันไม่พ้นนครแห่งจิตไปได้
รอยรั่วแห่งจิตตนครที่ผ่านมาภาษาสมมุติเรียก ความฟุ้งซ่านส่งออกไป แต่แท้จริงรอยรั่วนั้นคือ ทางที่ภพชาติแห่งสังสารวัฏ และสมมุติจะเข้ามาสู่ใจนี้ มันคือรอยรั่วที่นำความเวียนว่ายตายเกิดในภพทั้ง 3 นำความทุกข์ ชาติ ชรา มรณะ และภัยเข้ามาสู่ใจ
ในปัจจุบันอยู่กับรู้ รู้ว่าเป็นเช่นนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าจิตตนครคือตัวใจแท้ๆ รองรับการเกิดดับของทุกสิ่ง มันยังมีอยู่ แต่มันรู้ว่าในความมี มันไม่มีทางเข้าใดเปิดให้ภพต่างๆ เข้ามาได้ และมันยังมีความเพียร มีธรรม มีโลกอยู่บ้างในภายใน มีแม้แต่ความคิดเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นสังขารเกิดดับในนั้น แต่มันคือตัวเราทั้งหมดเป็นสิ่งเกิดดับ ไม่มีตัวเราคงที่อยู่ในนครแห่งนี้จริงๆ
กลายเป็นถึงเหลือจิตตนครอยู่ แต่ผู้ครองนครไม่มีเจ้าค่ะ
ถึงแม้นครแห่งนี้ยังมี ยังไม่แตกไม่ทำลาย แต่ความทุกข์จากความยึดถือและส่งออกไปมันหายไปมาก เรียกว่าแทบจะไม่มีทุกข์เลย ไม่มีเลยจริงๆ มีตัวใจแต่ไม่มีความทุกข์ แต่ทราบอยู่ว่าตราบใดที่ใจมีมันยังมีภาระ มีบางอย่างที่มี
ต้องเพียรในมรรคจิตต่อไป มันก็เพียรของมันเองเจ้าค่ะ
หลวงตา : ทำลายจิตตนครให้มันย่อยยับไป ถ้ามีจิตตนครว่างเปล่า เดี๋ยวก็มีผู้มาครองนคร และมีกิเลสมาแย่งชิงไม่จบสิ้น
ถ้าเปรียบจิตตนครเป็นเวทีมวย ก็จะหลงเอาตัวเราขึ้นไปไล่ชกคู่ต่อสู้ คือกิเลส และอาการของจิต หรือจิตตสังขาร ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเมืองจิตตนครหรือบนเวทีมวย เมื่อชกคู่ต่อสู้จนชนะหมดไม่เหลือคู่ต่อสู้บนเวที เราเป็นแชมป์เปี้ยนอยู่บนเวทีแต่ผู้เดียว ต่อมาก็รู้ว่าเวทีมวยหรือจิตตนครไม่ว่างจากตัวเรา เห็นว่าตัวเราก็เป็นสังขารปรุงแต่งเหมือนคู่ต่อสู้ จึงเอาความเป็นตัวเราออกจากเวทีมวยหรือจิตตนคร เวทีมวยหรือจิตตนครก็ว่างเปล่า
แต่ถ้าไม่ทำลายเวทีมวยหรือจิตตนครที่ว่างเปล่าทิ้งไปเสีย ยังยึดถือความว่างไว้ ก็ต้องมีภาระต้องคอยป้องกันให้เวทีมวย หรือจิตตนครว่างเปล่าตลอดเวลา กลัวว่าถ้าไม่คอยตรวจให้ดี เดี๋ยวจะมีใครเข้ามา ทำให้ไม่พ้นทุกข์จริง
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563