ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาด้วยใจเคารพนอบน้อมเจ้าค่ะ กราบขอโอกาสส่งการบ้านเจ้าค่ะ ฟังไฟล์ "ยึดปัญญาบังธรรมแท้" แล้วกลับมาทบทวนที่ใจเห็นว่ามันยังยึดเป็นเรารู้ เราเห็น เราเข้าใจอยู่เจ้าค่ะ
ให้เข้าใจใหม่เป็น "รู้เรา รู้ในปัจจุบันขณะ" คือรู้ว่ามีเรา รู้มีเราเห็นมีเราเข้าใจ และทั้งหมดล้วนเป็นสังขาร "ไม่มีตัวตนของเราอยู่จริง"
ยังต้องใช้ปัญญา "รู้เรา" ไปจนกว่ามันจะเต็มรอบของมันเอง ซึ่งเป็นของเป็นเอง ไปพยายามให้มันเป็นไม่ได้เจ้าค่ะ
ถ้าผิดจากธรรม กราบขอขมาหลวงตาขอหลวงตาโปรดเมตตาชี้แนะเจ้าค่ะ
สุดท้ายศิษย์ขอน้อมถวายชีวิต จิตใจนี้ แด่พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ขอทิ้งโลกไม่หวนกลับคืนเจ้าค่ะ
น้อมกราบแทบเท้าหลวงตาที่เมตตาอบรมสั่งสอนเจ้าค่ะ
หลวงตา : ที่บอกว่า “ยังต้องใช้ปัญญา รู้เรา ไปจนกว่ามันจะเต็มรอบของมันเองซึ่งเป็นของเป็นเอง ไปพยายามให้มันเป็นไม่ได้เจ้าค่ะ”
อันนี้มี "อวิชชา" ซ่อนเร้นไม่รู้ตัว
มันมีการใช้ปัญญาของเรา ช่วยตัวเราให้รู้แจ้งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเต็มรอบ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ไปพยายามให้มันเป็นไม่ได้
แสดงว่ามีตัวเรารอให้มันเต็มรอบ จะพยายามให้มันเป็นไม่ได้ เมื่อมันเต็มรอบของมันเองเราก็จะบรรลุนิพพาน
อย่างนี้ยังมีความรู้สึกหลงอยู่ในใจว่ามีตัวเรา มีใจของเราจะนิพพาน
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2563