ผู้ถาม : กราบนมัสการและกราบขอโอกาสเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณหลวงตาที่เมตตาชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดและอวิชชาที่ซ่อนเร้นเจ้าค่ะ ฟังไฟล์ไม่เห็นตัวเราที่บงการ เห็นข้อผิดพลาดชัดเจนยิ่งขึ้นเจ้าค่ะ
ทั้งการตั้งเป้าหมายที่ผิด คือไปหมายเอาความไม่มี ความสุขที่ทุกข์ไม่มี หมายความดับไปแล้วไม่เหลืออะไรเลย และการปฏิบัติที่ผิด ที่เกิดจากความโง่ความหลงเชื่อที่ผิดๆ คิดมาตลอดว่าเข้าใจแล้ว
แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าโง่เอาตัวเองอยู่กับความว่างแล้วไปนั่งดูสังขารเกิดดับ แทนที่จะรู้แจ้งแก่ใจว่าในใจมีสังขารเกิดดับๆ อยู่ในความไม่เกิดดับ ผู้ยึดถือไม่มีในทุกขณะปัจจุบัน ไม่มีเราอยู่ในทั้งสังขารและวิสังขาร
แต่เมื่อเห็นความผิดพลาด แทนที่จะแก้ไข ก็กลับมีตัวกูที่ดิ้นรนแก้ไขจะให้ถูกให้เป็น มันก็เป็นไปไม่ได้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ก็ยิ่งอึดอัดคับข้องใจ เพราะยึดตัวกูจะให้ได้ให้เป็น เมื่อทำไม่ได้เพราะมันทำเอาไม่ได้ ก็ทุกข์ร้อนใจ วนเวียนไปอย่างนี้
แม้จะน้อมพิจารณาธรรมใดๆ ก็เพื่อมาแก้ไขอาการทุกข์ที่มีตัวเรารอรับผลให้หายทุกข์อีกเจ้าค่ะ เสียงหลวงตาบอกว่า "ทำอะไรก็ผิด ไม่ทำก็ผิด" มันก็ไปไม่ถูกเจ้าค่ะ เพราะจะเอาถูกไม่เอาผิด ทำอะไรไม่ได้เลยเจ้าค่ะ อยากที่จะหายโง่ ยิ่งโง่หนักเลยเจ้าค่ะ
เมื่อทุกอย่างที่ทำไปเพราะมีตัวเรากับความอยาก ผสมกับความโง่ ผลออกมาคือทุกข์แท้ๆ เลยเจ้าค่ะ เขียนมาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอะไรอย่างไรเจ้าค่ะ สุดท้ายแล้วไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร จะพ้นหรือไม่พ้น จะทันหรือไม่ทัน ก็ไม่มีใครอะไรทำอะไรได้เลยเจ้าค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หนูอยากกราบขอบพระคุณและกราบขอขมาหลวงตา ที่ต้องเหนื่อยและอดทนกับทั้งความดื้อและความโง่ กราบขอบพระคุณที่หลวงตาเมตตาอบรมสั่งสอนตลอดมาเจ้าค่ะ
หลวงตา : ที่บอกว่า “...เขียนมาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอะไรอย่างไรเจ้าค่ะ สุดท้ายแล้วมันจะเป็นอย่างไร จะพ้นหรือไม่พ้น จะทันหรือไม่ทัน ก็ไม่มีใครทำอะไรได้....”
แสดงว่ามีตัวตน มีเรา ตัวเรา จิตใจของเรา ที่มีความอยาก ความหวัง ความปรารถนา จะให้มันพ้นทุกข์ เมื่อมันไม่ได้ดั่งใจอยาก ก็เกิดความท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวัง แต่ความหลงยึดว่ามีตัวเรา จิตของเรายังไม่ถูกรู้เท่าทัน
มันจึงเป็น “อวิชชา” ซ่อนเร้นอยู่ในใจยังไม่รู้ตัว
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2563