ผู้ถาม : น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์และกราบขอโอกาสเจ้าค่ะ.... รู้สึกอื้อหือกับประโยคนี้ "หยุด… คือใจ ไหลไป… คือสังขาร" เห็นแล้วว้าวเลยเจ้าค่ะ .....
ในส่วนของวันนี้ ลูกได้สังเกตเห็นตัวเฝ้าระวัง และปล่อยมันไป ให้เกิด-ดับไปเฉย ๆ ... ก็ได้แค่รู้-เห็นไปแบบนี้เรื่อย ๆ ระหว่างนั้น มันมีความสงบอยู่ตลอดเจ้าค่ะ
ความคิดปรุง ฟุ้งซ่านแทบไม่มีเจ้าค่ะ .... ลูกไม่รู้ว่า มันมีแต่ลูกไม่เห็น หรือเพราะลูกตั้งใจ หรือใส่ใจมากไป หรือมันก็เป็นแบบนี้เจ้าคะหลวงตา ขอโอกาสองค์หลวงตาชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ...
น้อมกราบด้วยความเคารพอย่างที่สุดเจ้าค่ะ
หลวงตา : ความฟุ้งซ่านมันจะอยู่ที่ผู้รู้ทุกปัจจุบันขณะ
ผู้ถาม : ขอโอกาสเจ้าค่ะ ที่หลวงตากล่าวมาหมายถึงว่า.... เมื่อรู้ที่ผู้รู้ ความฟุ้งซ่านมันก็อยู่ของมัน แต่เราไม่ได้ไปยุ่งกับมัน มันก็อยู่ของมัน ใช่ไหมเจ้าคะ ?
ถ้าเปรียบ ผู้รู้ทุกปัจจุบันขณะ กับความฟุ้งซ่านเป็นปาท่องโก๋ได้ไหมเจ้าคะ .... คืออยู่ด้วยกัน แต่สามารถแยกชิ้นได้หนะเจ้าค่ะ ? ไม่ทราบว่าลูกเข้าใจถูกไหมเจ้าคะ...
น้อมกราบองค์หลวงตาด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ ถูกแล้ว
ธรรมชาติที่หยุด (ไม่มีอะไรปรากฏเลย คงมีแต่ความรู้ออกมาจากใจที่ไม่มีตัวจิตตัวใจ) คือ ใจ
ธรรมชาติที่เคลื่อนไหวเกิดดับได้ คือ สังขาร
ผู้ถาม : น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงตาณรงค์ศักดิ์เจ้าค่ะ .... กราบสาธุ ๆๆ ลูกทำแบบนี้ต่อไปใช่ไหมเจ้าคะ ?
หลวงตา : ศึกษาภาพธรรมที่ส่งมานี้ทั้งหมดให้เข้าใจถึงใจ แล้วจะสิ้นสงสัย
ความรู้อันบริสุทธิ์ ตอนที่ 1/2
ความรู้อันบริสุทธิ์ ตอนที่ 2/2
ธรรมะเชิงอุปมา ว่าด้วยเรื่อง “ขวดน้ำ”
"อะวิชชาปัจจะยา สังขารา"
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563