ผู้ถาม : กราบขอโอกาสเจ้าค่ะ ความรู้ที่รู้ทั้งหมดก็ยังเป็นรู้ในสังขาร รู้ที่บริสุทธิ์ไม่มีสังขารแล้ว ไม่มีเราในรู้ มันรู้จากใจที่ไม่มีเจ้าของเจ้าค่ะ
หลวงตา :สาธุ
ใจที่ไม่สังขาร หรือ ใจที่พ้นสังขาร จึงบริสุทธิ์ มันช่างเป็นธรรมชาติที่เงียบ สงบ สงัดยิ่งนัก ว่างเปล่าจากสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปลักษณ์ ไม่มีการปรุงแต่ง (จิตว่างงาน)
ไม่มีการเกิดดับ ไม่มีการไปการมา
เป็นธรรม (ธรรมชาติ) ที่เป็นเอง
มีแต่ชื่อว่า “ใจ” แต่แท้จริงหาตัวจิตตัวใจไม่มีเลย
ผู้ถาม : มีแต่สิ่งปรากฏ ในความไม่ปรากฏเจ้าค่ะ
สิ่งปรากฏก็เป็นอย่างนั้นของมัน สิ่งไม่ปรากฏก็เป็นอย่างนั้นของมัน มันไม่อาจเป็นอย่างอื่นเจ้าค่ะ
หลวงตา : ธรรมชาติ เขาเป็นเช่นนั้นเอง ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
สิ่งไม่เกิด ย่อมไม่ดับ
พระอริยะ ย่อมรู้ความจริงจากใจอย่างนี้ ผู้ยึดถือไม่มี
“ใจ” เป็นธรรมธาตุ
“ใจ” เป็นธรรมธาตุ เป็นธรรมแท้ หรือ ใจแท้ แท้โดยธรรมชาติ เหมือนกับทองคำ หรือ เพชร ถ้าพยายามปรุงแต่งอย่างใด ๆ ให้เป็นทองคำแท้ หรือ เพชรแท้ ย่อมเป็นทองคำปลอมหรือเพชรปลอม
ผู้มีสติ ปัญญา ทำได้เพียงแค่เอาสิ่งที่ปนเปื้อนออกจากทองคำแท้เท่านั้น ที่เหลือก็เป็นทองคำแท้ หรือ ทองคำบริสุทธิ์เอง
เหมือนกันกับผู้มีสติ ปัญญา สามารถเอาสังขารที่ปรุงแต่งเป็นเรา ตัวเรา ของเรา ออกจากธรรมแท้ที่ไม่ปรุงแต่งเสียเท่านั้น ที่เหลือก็เป็นธรรมแท้ หรือ ธรรมบริสุทธิ์เอง
แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีสติ ปัญญา ก็จะพยายามทำ “ใจ”ให้บริสุทธิ์
ให้เป็นธรรมบริสุทธิ์ หรือ ธรรมแท้ แทนที่จะรู้เท่าทันสังขาร จนสิ้นหลงสังขาร ก็จะเป็นใจบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นของเป็นเอง จะปรุงแต่งให้เป็นไม่ได้
ใจ รู้จัก ใจ ว่าเป็นธรรมชาติไม่สังขาร
จึงไม่หลงเป็นสังขาร
พบใจ พบธรรม
ถึงใจ ถึงนิพพาน
เป็นใจ หรือ เป็นสังขาร ล่ะ ?
เป็นใจ ก็ว่างงาน (ปรุงแต่ง)
ผู้ถาม : หนูคงไม่ต้องช่วยตอบ ใจเขาย่อมรู้คำตอบเองเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ
หลวงตา : สาธุ สาธุ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2563