ผู้ถาม : น้อมกราบขอบพระคุณองค์หลวงตาอย่างสูงเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
ที่หนูเข้าใจ คือว่า การเพียรให้รู้อย่างละเอียดนั้น จิตจะต้องทรงฌานเจ้าค่ะ
ตอนนี้เลยเพียรรู้ลมหายใจให้ละเอียดในกองลม ไม่ทิ้งลม ซึ่งเมื่อก่อนลมมันไม่มี แต่พอต้องรู้ลม ในความไม่มีลม มันมีความไหวเล็ก ๆ แต่แล้วก็เหมือนทุกข์ที่กายจะเกิดดับยุบยิบไปหมด ยุบยิบ ๆ ในความว่าง
มันเหมือนต้องตัดใจเรียนเพิ่ม ไม่ใช่ “วาง” แบบเมื่อก่อนเจ้าค่ะ
บวกกับคลิป “พิจารณากาย” ที่ไล่องค์ฌาน วิตก วิจาร ปีติ สุข อุเบกขา ก็น้อมนำมาเพียรตาม โดยใช้ลมหายใจเป็นเครื่องล่อเจ้าค่ะ จะเพียรให้มาก ได้ผลอย่างไร หนูจะกราบส่งรายงานนะเจ้าคะ
องค์หลวงตามีสิ่งใดชี้แนะเพิ่มเติมไหมเจ้าคะ กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : เพียรมีสติ ปัญญา สักแต่ว่ารู้เห็นชัดเจนอย่างนั้น นั่นแหละ แต่ก็เพื่อมีความรู้เห็นเข้าใจละเอียดชัดเจนในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของกายในกาย (รวมทั้งลมหายใจเข้าออก) เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ทั้งหยาบ ปานกลาง ละเอียด ละเอียดที่สุด จนกระทั่งรู้เห็นปล่อยวางสังขารที่คิดปรุงแต่งยึดถือเป็นอัตตาตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของของเรา ซึ่งเป็นสังขารที่ละเอียดที่สุด
สติ สมาธิ ปัญญา จึงรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ “จิตหรือใจบริสุทธิ์”
เป็น “เอโกธัมโม” หรือ “เอกะธัมโม” แล้ว
“ใจบริสุทธิ์” จะเป็นผู้รู้เห็นความมีในความไม่มี ซึ่งเป็นธรรมชาติอยู่คู่กันตลอดเวลา โดยไม่มีตัวตนของผู้รู้อีกต่อไป เพราะ ความหลงว่ามีอัตตาตัวตนเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของของเรา มีเราเป็นผู้รู้ ผู้เห็น ผู้เข้าใจ ผู้รู้แจ้ง
มันได้ถูกปัญญาวิมุตติรู้เท่าทันว่าความเป็นตัวตนของเรา เป็นเพียงสังขารปรุงแต่ง จึงถูกปล่อยวางไปหมดแล้ว
รู้แจ้งแก่ใจว่า
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ สังขารา ทุกขา
สัพเพ ธัมมา (ทั้งสังขาร และ วิสังขาร) เป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตาตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา
สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ
ธรรมทั้งสังขารและวิสังขาร ไม่มีตัวตนของผู้ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
มันมีตัวเรายืนพื้นไว้ในใจรอความหวัง ความปรารถนา ความสำเร็จ
***** ธรรมะ หรือ นิพพาน คือ ได้แต่ “รู้ในปัจจุบัน” (คือ รู้ทุกอย่าง ไม่ติดยึดแม้แต่อย่างเดียว ไม่ติดยึดทั้งสิ่งที่ถูกรู้ และ ผู้รู้)
***** แต่รู้แล้วอย่างนี้ ก็หมายไว้ผิดว่า ถ้าสักแต่ว่ารู้ หรือ แค่รู้ในปัจจุบันได้ “เราจะนิพพาน”
ผู้ถาม : คำตอบของหลวงตา หนูเหมือนโดนตีกะโหลกหนา ๆ ด้วยไม้กระบองที่หลวงตาส่งมาเลยเจ้าค่ะ หมอไม่รับเย็บแล้วเจ้าค่ะ
ยังมีความอยาก ความปรารถนา ความสำเร็จ มีตัวเรายืนพื้นอยู่เลยเจ้าค่ะ มันก็รู้อยู่ว่าเราทำอะไรไม่ได้ ที่บอกหลวงตาว่ามันเป็นตัวเราทุกครั้ง ก็เพราะอยากจะให้มันไม่เป็นตัวเรา หลวงตาก็สอนอยู่ว่าจะไปทำให้มันไม่เป็นไม่ได้ ใจเขาเป็นของเขาเอง
เพียรมีสติเจ้าค่ะ
หลวงตา : นิพพาน คือ ความรู้ (ไม่มีตัวตนของผู้รู้ จึงไม่มีตัวตนของผู้ยึด) ในปัจจุบันขณะ
***** แล้วจะมีตัวเรา เพียรมีสติเพื่อตัวเราจะนิพพานอีกหรือ ???
ผู้ถาม : น้อมกราบขอบพระคุณองค์หลวงตาอย่างสูงสุดเจ้าค่ะ ไม่ว่าองค์หลวงตาจะเมตตาชี้แนะอย่างไร
หนูรู้อย่างถึงใจได้ว่าสิ่งที่องค์หลวงตาเมตตาชี้แนะนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ตัวหนูเอง และประโยชน์แก่พระศาสนา ไม่มีแม้นิดนึง น้อยนึง ที่เคลือบแคลงใจเลยเจ้าค่ะ
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านออกมาจากองค์หลวงตา เป็นการกระทำให้เห็นได้ หรือ แม้สิ่งนั้นจะเห็นไม่ได้
แต่มันสัมผัสรู้ที่ใจ คงมีแต่ความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้
หนูขอให้ “สัจจะ”จะเพียรตามที่องค์หลวงตาเมตตาสั่งสอน จะเพียร “เต็มกำลัง” อย่างที่สุดโดยไม่มีเงื่อนไขเจ้าค่ะ น้อมกราบแทบเท้าองค์หลวงตาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563