ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา อันนี้ใช่ไหมคะที่เขาเรียกว่าอวิชชาที่มันแอบซ่อนแล้วมองไม่เห็น ถ้าใช่... มันเนียนมากกกกกกก หมายถึงขณะตอนพิมพ์ถามสังเกตไม่ออกถ้าไม่มีผู้รู้แจ้งเมตตาบอก
ตามความเข้าใจ พอหลวงตาบอกว่ามีความดิ้นรน อยากรู้แจ้ง มันก็เห็นกิริยาจิต มันเข้าร่องตาม พฤติกรรมจิต กิริยาจิตเลย คือ ความไม่ยอม จะเอาชนะตัวเอง มันว่าอะไร… ตรงไหน ๆ แล้วก็ รีบประมวล... (พอมาเห็น มัน… ฟุ้งในธรรม)
เหมือนที่หลวงตาบอกไหมคะ ว่าถ้าบอกว่าให้อยู่เฉย ๆๆๆ เดี่ยวมันก็มาให้เห็นเอง อยากเห็น ไม่ได้เห็นหรอก ถ้าอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวหนอนโผล่ออกมาจากต้นไม้เอง ซึ่งที่ไล่จับมานะ ฟุ้งซ่าน อวิชชา มันวนกลับเหมือนตอนที่เคยส่งการบ้านหลวงตา
ในเมื่อตัวเราไม่มี รู้เรา ตัวทะยานออกไปต่อ (ตัณหา) ก็เป็นกิริยาจิต ปล่อยมันไป
มันเลยวนกลับมาอีกแล้วมันเลยระลึกได้ว่าหลวงตาเคยพูดว่า วนกลับไปกลับมาเพราะมันมี เรา ตัวเรา ตัวกู อยู่
หลวงตา : เพราะมีคน มีเรา ก็มีคนวน มีเราวน
ผู้ถาม : มันเลยสำคัญตรงปัจจุบันขณะ พ้นก็พ้นตรงปัจจุบันขณะนั้น ๆ ค่ะ อ่านใจตัวเองให้ขาดและรู้เท่าทันปัจจุบันขณะนั้น ๆ ตามความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น
ความเป็นตัวตนมันไม่มี ตัวทะยานออกไป คือ (ตัณหา) มันเลยเข้าอริยสัจ 4 ตรงนี้ จิตส่งออกนอก เป็นสมุทัย (เกิดทุกข์) จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง (มรรค) มันเชื่อมโยงกัน ปฏิจจสมุปบาทก็ดับตรงนี้ มรรค 8 ดับทุกข์ตรงนี้
ถ้าตรงไหนที่ยังโง่เขลา เมตตาด้วยเจ้าค่ะ หลวงตามีอะไรเมตตาแนะนำเพิ่มเติมไหมเจ้าคะ
หลวงตา : สาธุ เดี๋ยวรู้เอง
ผู้ถาม : เดี๋ยวรู้เอง มันโดนใจวัยรุ่นเลยเจ้าค่ะ ธรรมชาติเป็นเช่นนั้นเอง... ไม่ต้องการคำตอบแล้วค่ะ
หลวงตา : บอกแล้ว... เดี๋ยวรู้เอง
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563