ผู้ถาม : กราบนมัสการองค์หลวงตาเจ้าค่ะ กราบขอโอกาสส่งการบ้านเจ้าค่ะ
เช้านี้หนูก็นำไฟล์เสียงอาจารย์ป้ามาเปิดซ้ำฟังใหม่ พร้อมกับเดินกลับไปกลับมา ยามที่ไม่ได้คิด ไม่ได้นึกอะไร ขันธ์ห้าเป็นเหมือนพยับแดดไหว ๆ ที่อยู่ข้างนอกโน้น ในอวกาศของความไม่มีอะไรเลยเจ้าค่ะ คำว่า หลงขันธ์ห้าคือหลงเงาตัวเอง มันชัดเจนมากเจ้าค่ะ
อยู่ ๆ มันก็มีช่วงที่จิตทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา จิตมันทบทวนของมันเองแล้วก็พูดขึ้นว่า... ทิ้งรู้
พอแค่ตรึกว่า... ยังต้องคอยรู้อยู่เหรอ
เสียงอาจารย์ป้าก็ลอยขึ้นมาว่า... มันแน่น (ที่อาจารย์ป้าบอกรู้น่ะมันชัด มันแน่น)
อันนี้มันยังไม่แน่น เหมือนตอกเสาเข็มมันยังไม่แน่น
และยังไม่ทันจะได้คิดอะไร มันก็รู้ว่า... เมื่อถึงอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ที่อาจารย์ป้าบอกมันไม่มีผู้ยึดถือ กระบวนการต่อไปนี้จะเป็นการ “ซักฟอก” แต่เป็นการซักฟอกที่เป็น ”อานุภาพแห่งพระธรรม” ไม่ได้เป็นกระบวนการทำงานแบบกิริยาจิต “ธรรม” จะค่อย ๆ กินเนื้อที่มากเข้า ๆๆๆๆ จนขาวรอบ มันเหมือนประจักษ์แจ้งที่องค์หลวงตาพูดถึงอำนาจของพุทธะเจ้าค่ะ
และตอนนี้มันเหมือนว่า... อยู่ในมือของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ครูอาจารย์อย่างไงอย่างงั้นเลยเจ้าค่ะ ไม่ได้เกิดจากการที่เราต้องดิ้นรนทำอะไรอีก... ใจว่างงาน ทุกอย่างจะเป็นไปเองเจ้าค่ะ เพียงแต่… ***ประพฤติธรรมให้สมควรแก่ธรรม*** อานุภาพแห่งพระธรรมจะทำงานเอง คล้าย ๆ แบบนี้เจ้าค่ะ มันเลยถึงใจว่า… ไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้าอะไรอีก ทุกอย่างจะไหลไปเองเจ้าค่ะ เพียงแต่ไม่ประมาท
และรู้ขึ้นมาอีกว่า... คำว่าตกกระแส คือ ตกสู่กระบวนการนี้ กระบวนการที่เป็นอานุภาพของพระธรรมที่จะซักฟอกให้ขาวรอบเอง
ถึงตอนนี้มันเหมือนเด็กที่มีคนดูแลตั้งมากมาย มันเป็นความซึ้งใจจนน้ำตาร่วงเจ้าค่ะ
หนูน้อมกราบแทบเท้าองค์หลวงตาที่เมตตาหนูมาโดยตลอด
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ...
หลวงตา : ถึงธาตุรู้จะสิ้นสงสัย ไม่ถามใคร ถ้ายังสงสัย ไม่ถึงธาตุรู้
เพราะธาตุรู้ เป็น “พุทธะ” คือ รู้แจ้ง รู้สิ้นยึด รู้สิ้นหลง รู้สิ้นสงสัย (ไม่ต้องถามใครอีกต่อไป) รู้ตื่น (ตื่นจากความหลับ คือ อวิชชา) รู้เบิกบาน (เพราะสิ้นยึด สิ้นตัวตน สิ้นกิเลส นิพพาน)
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563