หลวงตาณรงศักดิ์ ขีณาลโย

  • หน้าหลัก
  • สื่อธรรมะ
    • หนังสือธรรมะ
    • เสียงธรรม
      • เสียงธรรมรายปี
      • ไฟล์เสียงจัดชุด
    • CD
    • e-Book ปุจฉา-วิสัชนา
  • ปุจฉา-วิสัชนา
  • ภาพธรรม
  • วิดีโอธรรม
  • ธรรมทัศน์
  • ธรรมถึงใจ
  • ธรรมโอวาท
    • โอวาทธรรม
      • โอวาทธรรม 60-61
      • โอวาทธรรม 62
        • โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 62
        • โอวาทธรรม เม.ย.- มิ.ย. 62
        • โอวาทธรรม ก.ค. - ก.ย. 62
        • โอวาทธรรม ต.ค. - ธ.ค. 62
      • โอวาทธรรม 63
        • โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 63
        • โอวาทธรรม เม.ย. - มิ.ย. 63
        • โอวาทธรรม ก.ค. - ก.ย. 63
        • โอวาทธรรม ต.ค. - ธ.ค. 63
      • โอวาทธรรม 64
        • โอวาทธรรม ม.ค. - มี.ค. 64
      • โอวาทธรรมถึงใจ
    • ปกิณกธรรม
    • ประชาสัมพันธ์สื่อธรรม
    • โอวาทธรรมชุด
  • Other Languages
    • English
    • Deutsch

การเดินวิปัสสนาที่ละเอียดที่สุด

การเดินวิปัสสนาที่ละเอียดที่สุด

ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาด้วยใจเคารพนอบน้อมเจ้าค่ะ

 

ขอโอกาสหลวงตาเมตตาช่วยขยายความเจ้าค่ะ 

 

# การรู้โดยไม่คิดเอง คือ การเดินวิปัสสนาที่ละเอียดที่สุด

 

ตราบใดที่ยังเห็นว่า จิต คือ ตัวเรา เป็นของ ๆ เรา ที่ต้องช่วยให้จิตหลุดพ้น 

ตราบนั้นตัณหา หรือ สมุทัยก็จะสร้างภพของ "จิตว่าง" ขึ้นมาร่ำไป

 

ที่บอกว่าตัณหาจะสร้างภพของ "จิตว่าง" ขึ้นมาร่ำไป คืออย่างไรเจ้าคะ 

 

กราบ กราบ กราบ แทบเท้าหลวงตาเจ้าค่ะ เป็นคำสอนขององค์หลวงปู่ดูลย์เจ้าค่ะ 

 

 

หลวงตา : กราบขอโอกาสพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ขออนุญาตขยายความคำสอน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจในธรรม

 

คำถาม

“การรู้โดยไม่คิด คือ การเดินวิปัสนาที่ละเอียดที่สุด” เป็นอย่างไรนั้น

 

หมายถึงรู้จิตตสังขาร ความคิด หรือ ความปรุงแต่งในปัจจุบันขณะจิตนั้นขึ้นมาเอง โดยไม่มีเจตนารู้  (รวมทั้งไม่จงใจรู้ ไม่พยายามรู้ ไม่ตั้งใจรู้ด้วย) เป็นการรู้โดยไม่คิด 

 

ผู้ที่รู้เห็นแบบนี้ได้ ต้องฝึกจนถึงขั้นที่ในปัจจุบันขณะ ไม่มีเจตนาคิด หรือ เจตนาปรุงแต่งจิตอย่างใด ๆ  

แล้วจะรู้จิตตสังขารในปัจจุบันขณะนั้นขึ้นมาเองโดยไม่มีเจตนารู้ ว่า.....

 

***** จิตตสังขารเขาเกิดเอง ดับเอง … เกิดเอง ดับเอง… ๆๆๆๆ ......

 

***** ส่วนผู้รู้ก็ไม่มีเจตนาที่จะดูหรือรู้อะไร เขารู้ของเขาขึ้นมาเอง 

 

เป็นธาตุรู้แท้ หรือ วิญญาณธาตุแท้ ซึ่งเป็นจิตดั้งเดิมตั้งแต่กำเนิดจิต หรือ ธาตุรู้ขึ้นมาในจักรวาล พร้อมกับมี “อวิชชา” ความหลงยึดมั่นถือมั่นจิตว่าเป็นตัวเรา เป็นของ ๆ เราติดมาด้วย 

 

“จิตดั้งเดิม” เป็นวิสังขาร อสังขตธาตุ อสังขตธรรม เป็นความรู้ขึ้นมาเอง โดยไม่มีเจตนารู้ จึงเป็นความรู้ที่ไม่คิด ไม่ได้เกิดจากจิตปรุงแต่ง แต่เป็นธาตุรู้ หรือ วิญญาณธาตุแท้ ที่รู้ขึ้นมาเอง เป็นของเป็นเอง เขาเป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ ปุถุชน และ สรรพสัตว์ทั้งหมด แต่ปุถุชนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย มีอวิชชา ตัณหา อุปาทาน คือ หลงคิด หลงปรุงแต่ง หลงยึดมั่นถือมั่น จึงปิดบังธาตุรู้แท้ตามธรรมชาติเสียหมด 

 

***** ถึงแม้จะใช้ความพยายามดิ้นรนค้นหา ปรุงแต่งสักเพียงใด ก็ไม่อาจพบจิตดั้งเดิม ซึ่งเป็นธาตุรู้ตามธรรมชาติได้ เพราะธาตุรู้เขาเป็นธรรมชาติที่เป็นเอง รู้ขึ้นมาเอง โดยไม่คิดและไม่มีเจตนารู้

 

***** ดังนั้น # การรู้โดยไม่คิด จึงเป็นการเดินวิปัสสนาที่ละเอียดที่สุด 

 

***** ผู้ใดฝึกมาถึงขั้นนี้ ก็จะรู้เห็นจากใจว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง (สังขาร) มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหมดนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา” (ยังกิญจิ สมุทยธัมมัง สัพพันตัง นิโรธธัมมันติ) ซึ่งเป็นธรรมในขั้นพระโสดาบัน 

 

คำถาม.....

 

“ตราบใดที่ยังเห็นว่า จิต (จิตดั้งเดิม) คือ ตัวเรา เป็นของ ๆ เรา ต้องช่วยให้จิตหลุดพ้น 

ตราบนั้นตัณหา หรือ สมุทัยก็จะสร้างภพของ "จิตว่าง " ขึ้นมาร่ำไป

 

ที่บอกว่าตัณหาจะสร้างภพของ "จิตว่าง" ขึ้นมาร่ำไป คืออย่างไรเจ้าคะ” 

 

แม้ปฏิบัติมาจนถึงธรรมขั้นพระโสดาบันแล้ว แต่ถ้ายังหลงยึดถือ จิตดั้งเดิม ซึ่งเป็นธาตุรู้ เป็นตัวเรา เป็นของ ๆ เรา จึงมีความพยายามช่วยให้จิตให้เป็นรู้ที่ไม่คิด หรือ เป็นรู้ที่ว่างเปล่า อย่างถาวรเป็นอมตะตลอดไป จึงเป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน เป็นสมุทัย หรือ เป็นเหตุปัจจัยให้สร้างภพของ “จิตว่าง”

 

เป็นเป้าหมายที่ตัวเราจะถึง จะได้ จะเป็น จะบรรลุไว้ในอนาคตโดยไม่รู้ตัว 

จึงหลงปรุงแต่งจิต มีความพยายามกระทำอะไร เพื่อจะให้สำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้ คือ จิตว่าง หรือ ผู้รู้ที่ว่างเปล่า ผู้รู้ที่ไม่คิด

 

***** ขณะจิตใด เกิดปัญญาวิมุตติ รู้แจ้งแก่ใจในปัจจุบันขณะ ว่า “จิตดั้งเดิม ซึ่งเป็นธาตุรู้ เขาเป็นธรรมชาติที่รู้ขึ้นมาเอง เป็นของเป็นเอง ปรุงแต่งเอาไม่ได้ เขาเป็นธรรมชาติที่เป็นวิสังขาร อสังขตธาตุ อสังขตธรรม คือ เป็นธรรมชาติไม่มีตัวตน ไม่มีจุด ต่อม ที่ตั้ง หรือสภาวะใด ๆ อันมีรูปลักษณ์หรือเครื่องหมาย ที่จะให้มีที่หมายได้ 

 

ไม่ใช่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่ความว่างที่เป็นอากาศ 

 

ไม่ใช่อรูปฌาน 

 

เป็นธรรมชาติที่ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง จึงไม่เกิดดับ ไม่มีตัวตนของผู้รู้ ไม่อาจคิด ไม่อาจปรุงแต่ง ซึ่งเป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติของเขาเอง (จึงไม่อาจใช้ความพยายามหยุดคิด หยุดปรุงแต่ง หรือ พยายามทำให้เป็นรู้โดยไม่คิดได้ เพราะอาการเหล่านี้ล้วนแต่เป็นความปรุงแต่งโดยมีเจตนา) ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการหยุดนิ่ง 

 

***** เมื่อพบจิตหรือใจดังเดิม ซึ่งเป็นวิญญาณธาตุ หรือ ธาตุรู้ตามธรรมชาติ ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่ใช่เป็นตัวเรา เป็นของ ๆ เรา เรียกว่า “พบธรรม”

 

แต่ก็ยังไม่นิพพาน 

เพราะเมื่อพบจิตหรือใจดั้งเดิม ซึ่งเป็นธาตุรู้ที่รู้ขึ้นมาเอง โดยไม่คิด และไม่มีเจตนารู้ ซึ่งเป็นรู้ที่ว่างเปล่าจากตัวตน ว่างเปล่าจากความคิด ความปรุงแต่ง ก็เกิดอวิชชา ตัณหา อุปาทาน หลงยึดถืออยากให้เป็นอย่างนั้นตลอดไป

 

จึงหลงรักษาจิตให้เป็นรู้ที่ไม่คิด หรือ จิตว่างจากความคิด ความปรุงแต่งไว้ 

 

จนกว่าจะมีผู้รู้ชี้แนะ หรือ เกิดธรรมขึ้นมาในใจ เป็นปัญญาวิมุตติ โพลงขึ้นที่ใจ ถึงขนาดทำให้ความหลงยึดถือจิตขาดสะบั้นลงในปัจจุบันทันที 

 

เมื่อความหลงยึดถือจิตหรือใจดับลง (อวิชชาดับ) 

จิตดั้งเดิม ใจดั้งเดิม ธาตุรู้ดั้งเดิม หรือ วิญญาณธาตุดั้งเดิม จึงเป็นธาตุบริสุทธิ์ ซึ่งมีชื่อสมมติว่า “นิพพานธาตุ” หรือ “นิพพาน” 

 

***** ดังนั้น จึงไม่มีตัวเรา หรือ จิตของเรานิพพาน แต่เป็นเพราะสิ้นความหลงยึดถือจิตหรือใจว่าเป็นเรา เป็นของ ๆ เรา จึงเป็นจิตบริสุทธิ์ หรือ ใจบริสุทธิ์  เรียกว่า “นิพพาน”

       

จึงมีคำกล่าวว่า “พบใจ พบธรรม ถึงใจ (บริสุทธิ์) ถึงนิพพาน”

 

 

ผู้ถาม : กราบขอโอกาสถามเจ้าค่ะหลวงตา ตรงนี้ที่ผู้ปฏิบัติพบ ถ้าไม่หลงยึดรักษา มีสติปัญญารู้ว่า แม้แต่ธรรมชาติรู้ก็ยึดไม่ได้ (ไม่รู้สึกมีตัวเราไปยึดจิตว่าง) ถึงจะเป็นใจที่บริสุทธิ์ใช่ไหมเจ้าคะ

 

 

หลวงตา : สาธุ ! ถูกแล้ว ส่วนใหญ่ยึดอยู่ แต่ไม่รู้ตัว (อวิชชา)

 

 

ผู้ถาม : ใจมันรู้ของมันเอง ประมาณนั้นเจ้าค่ะ 

 

 

หลวงตา : “ใจมันรู้ของมันเอง” นี่แหละเป็นจิตเดิมแท้ ที่รู้โดยไม่คิด 

 

ถ้าไม่ยึดถือจิตเดิมแท้เป็นตัวเรา เป็นของ ๆ เรา จะเป็นจิตเดิมแท้บริสุทธิ์ เรียกว่า “นิพพาน”

 

 

ผู้ถาม : ไม่ได้คิดว่าจะถึงหรือได้นิพพาน หรืออะไร  แต่ปฏิบัติตามที่หลวงตาสอน ฟัง อ่าน แต่กลับเข้าใจง่ายมากบางครั้งเจ้าค่ะ 

 

 

หลวงตา : สาธุ

 

 

ผู้ถาม : น้อมกราบ กราบ กราบ ขอบพระคุณอันสูงยิ่งในความเมตตาเจ้าค่ะ เหมือนใจลึก ๆ มันพูดว่า บัดนี้พร้อมแล้ว จะตายก็ตายเจ้าค่ะ

 

 

ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2563

 

Tweet
  • Social sharing:
  • Add to Facebook
  • Add to Delicious
  • Digg this
  • Add to StumbleUpon
  • Add to Technorati
  • Add to Reddit
  • Add to MySpace
  • Like this? Tweet it to your followers!
More in this category: « ต้องรู้เห็นจากใจของเจ้าตัว ตัวตนผู้ยึดเป็นเพียงมายา »
back to top

Search

ปุจฉาวิสัชนา Archive

  • ปุจฉา-วิสัชนา 2560
    • พฤษภาคม 60
    • มิถุนายน 60
    • กรกฎาคม 60
    • สิงหาคม 60
    • กันยายน 60
    • ตุลาคม 60
    • พฤศจิกายน 60
    • ธันวาคม 60
  • ปุจฉา-วิสัชนา 2561
    • มกราคม 61
    • กุมภาพันธ์ 61
    • มีนาคม 61
    • เมษายน 61
    • พฤษภาคม 61
    • มิถุนายน 61
    • กรกฎาคม 61
    • สิงหาคม 61
    • กันยายน 61
    • ตุลาคม 61
    • พฤศจิกายน 61
    • ธันวาคม 61
  • ปุจฉา-วิสัชนา 2562
    • มกราคม 62
    • กุมภาพันธ์ 62
    • มีนาคม 62
    • เมษายน 62
    • พฤษภาคม 62
    • มิถุนายน 62
    • กรกฎาคม 62
    • สิงหาคม 62
    • กันยายน 62
    • ตุลาคม 62
    • พฤศจิกายน 62
    • ธันวาคม 62
  • ปุจฉา-วิสัชนา 2563
    • มกราคม 63
    • กุมภาพันธ์ 63
    • มีนาคม 63
    • เมษายน 63
    • พฤษภาคม 63
    • มิถุนายน 63
    • กรกฎาคม 63
    • สิงหาคม 63
    • กันยายน 63
    • ตุลาคม 63
    • พฤศจิกายน 63
    • ธันวาคม 63
  • ปุจฉา-วิสัชนา 2564
    • มกราคม 64
    • กุมภาพันธ์ 64
    • มีนาคม 64
    • เมษายน 64
    • พฤษภาคม 64
    • มิถุนายน 64
    • กรกฎาคม 64
    • สิงหาคม 64
    • กันยายน 64
    • ตุลาคม 64
    • พฤศจิกายน 64
    • ธันวาคม 64
  • ปุจฉา-วิสัชนา 2565
    • มกราคม 65
    • กุมภาพันธ์ 65
    • มีนาคม 65
    • เมษายน 65
    • พฤษภาคม 65
    • มิถุนายน 65
    • กรกฎาคม 65
    • สิงหาคม 65
    • กันยายน 65
    • ตุลาคม 65
    • พฤศจิกายน 65
    • ธันวาคม 65
  • ปุจฉา-วิสัชนา 2566
    • มกราคม 66
    • กุมภาพันธ์ 66
    • มีนาคม 66
    • เมษายน 66
    • พฤษภาคม 66
    • มิถุนายน 66
    • กรกฎาคม 66
    • สิงหาคม 66
    • กันยายน 66

5BA01AEA 57EC 462B B6FB 90B6B03148ED

719CBB23 865C 4DF5 A1C8 222F752DCCBB

« May 2025 »
Mon Tue Wed Thu Fri Sat Sun
      1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31  

Facebook

เพจหลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย

บทถอนอธิษฐาน

  • บทถอนอธิษฐาน
Copyright © หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย 2025 All rights reserved.
เมษายน 63