ผู้ถาม : กราบนมัสการค่ะหลวงตา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนะคะที่ส่งการบ้านหลวงตา เช้านี้เมื่อตื่นขึ้นมาภายในใจก็คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยตามหน้าที่ของขันธ์ห้า ไปในทางโลก ๆ แล้วจู่ ๆ ก็เหมือนมีอีกคนพูดแทรกอยู่ภายในเรื่องเกิดดับ ๆ เป็นกฎของธรรมชาติหรือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือกฎไตรลักษณ์ เมื่อสิ่งใด ๆ ที่เกิด ๆ ดับ ๆ สิ่งนั้นอยู่ภายใต้ของกฎไตรลักษณ์ทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดหนีหรือฝืนกฎนี้ไปได้ แล้วก็ลงมาเข้าห้องน้ำแปรงฟัน ในขณะที่แปรงฟันข้างในก็ยังพูดต่ออีก “เกิด ๆ ดับ ๆ เมื่ออยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ ก็ไม่มีสิ่งใดหรือใครจะไปยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ได้ แต่ใจแท้ ๆ เค้ารับรู้สิ่งที่เกิดดับ ๆ ตลอดเวลาที่ขันธ์ห้าทำงาน แต่ใจแท้เค้าไม่มีตัวมีตน เค้าจึงไม่ยึดถือสิ่งใด ๆ เลย ทั้งสังขารและวิสังขาร ใจแท้ ๆ ใจที่เป็นธรรมชาติเค้าได้แต่รับรู้เท่านั้น ไม่มีอวิชชาเข้าไปทำอะไรได้ แต่ที่ใจมีปัญหาหรืออวิชชาครอบไว้เป็นเพราะมีความมีตัวมีตน เข้าไปยึดถือสังขารหรือวิสังขารหรือสิ่งที่เกิด ๆ ดับ ๆ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์” ใจแท้ ๆ ใจธรรมชาติ เค้ารู้อย่างเดียวกับสิ่งที่เกิด ๆ ดับ ๆ แต่เค้าไม่เอาสิ่งเหล่านั้นเข้ามายึดถือเอาไว้เลย พอถึงตรงนี้ร้องไห้โฮออกมาเองค่ะหลวงตา ดูร่างกายตนเองในกระจก สิ่งเหล่านี้ยึดถือไม่ได้จริง ๆ แม้อยากยึดถือไว้เพราะความมีเรา แต่สุดท้ายไม่มีใครชนะกฎของธรรมชาติได้เลยจริง ๆ
หลวงตา : สาธุ สาธุ นั่นแหน่ะ.... พบธรรม เห็นธรรมแล้ว ขาดแต่ใจเป็นธรรมอย่างนั้นอย่างถาวร.. เท่านั้น
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560