ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาค่ะ หนูยังไม่เคยได้มีโอกาสไปกราบหลวงตา แต่เพราะมีกัลยาณมิตรนำทางและให้คำแนะนำจึงมีโอกาสได้ฟังไฟล์เสียงของหลวงตาค่ะ ตอนนี้เริ่มสนใจและฟังซ้ำ ๆ แต่ไม่มั่นใจว่าในสิ่งที่คิดว่าเข้าใจนั้นเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า จึงขอกราบเรียนถามหลวงตาค่ะ หนูเข้าใจว่า ตัวเราไม่ใช่ของเรา ทุกอย่างในตัวเราคือธรรมชาติ สุดท้ายเราก็จะกลับคืนสู่ธรรมชาติ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่มีอะไรคือเรา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราเป็นสังขาร ปรุงแต่ง ยึดติด วนเวียนไปจึงเกิดทุกข์ไม่สิ้นสุด หนูมองกลับไปหลังเกิดทุกข์ เพราะยึดและปรุงแต่ง กลับมามองบ่อย ๆ จนรู้สึกว่าเวลาเกิดปัญหาก็ถอยออกมายืนดู รับรู้รับฟังแล้วผ่านมันไป ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่า อะไร ๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราไม่มีตัวตน อย่างที่ฟังในไฟล์ที่หลวงตาบอกว่า นกเป็นนก นกเป็นฟ้าไม่ได้ ปลาเป็นปลา ปลาเป็นน้ำไม่ได้ อันนี้ทำให้เข้าใจว่าจิตกับใจแยกกัน ปลาและนกเป็นจิตเป็นสังขาร ฟ้าและน้ำเป็นวิสังขารเป็นธาตุรู้ สักแต่ว่ารู้ไม่มีตัวตน เป็นธรรมชาติ เราจะรับรู้ด้วยตัวเราเองใช่ใหมคะ เมื่อเราเข้าใจ จิตและใจแยกกัน เราก็รู้เท่าทันจิต เวลาเกิดอะไรขึ้นเราก็จะหยุดปรุงแต่ง หยุดยึดติด อย่างนี้ถูกต้องหรือเปล่าค่ะ ตอนนี้หนูมีบททดสอบจากปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาเยอะมาก ๆ เมื่อก่อนทุกข์มากมาย แต่ตอนนี้เริ่มสงบ ๆ ลงได้ระดับหนึ่งค่ะ แล้วหนูควรทำอะไรต่อคะ ในสิ่งที่หนูเข้าใจมาถูกทางหรือเปล่าคะ
หลวงตา : ให้ปล่อยวางตัวเราผู้ปล่อยวาง และผู้มีความสุข สงบมากขึ้นไปเสีย เพราะเป็น "สังขาร" คือ เป็นนกหรือปลา
ผู้ถาม : สาธุค่ะ เห็นแล้วว่า มีเป้าหมายก็เป็นทุกข์ ยิ่งยึดมั่นยิ่งเป็นทุกข์ วางได้ก็ว่างจากความทุกข์ แต่มันไม่ได้อยู่กับความพ้นทุกข์ มันไม่ได้วางได้ตลอด ไม่ได้วางได้ทุกเรื่อง อันไหนวางไม่ได้ก็ยังทุกข์อยู่ จึงยังเป็นเหตุให้เดินความเพียรอยู่
หลวงตา : อันที่วางยังไม่ได้ และเป็นทุกข์อยู่ก็เป็น "สังขาร" ทั้งน้านนนน ... ช่างมันเต๊อะ ... วางงงงง ... ไม่ต้องไปสนใจมันว่าจะวางได้หรือไม่ได้ ... อ้ายที่วางไม่ได้ก็ปล่อยวางมันไปเสีย คือ ไม่ต้องไปพยายามวางมัน แต่ไม่ไปทุกข์เดือดร้อนกับมัน แม้มันจะมีความทุกข์อยู่ ก็ปล่อยมัน ไม่ต้องไปพยายามวางมัน ... ช่างหัวมัน ... ช่างหัวมัน ... ช่างหัวมัน ...
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2560