ผู้ถาม : ทำอย่างไรจึงจะมีวินัยและพลังในการเอาจริงคะ ความไม่ประมาทใช่ไหมคะหลวงตา
หลวงตา : สาธุ สังขาร คือร่างกายและจิตใจเรา สามี ลูกๆ พ่อ แม่ มีความเสื่อม ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ธาตุแตก ขันธ์ดับกลับคืนสู่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณธาตุ (ธาตุรู้ที่ว่างเปล่า) ตลอดเวลา เวลาที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน และที่จะผ่านไป ได้พิจารณาให้เห็นสัจธรรมความจริงเช่นนี้จนถึงใจที่สิ้นความหลงยึดมั่นถือมั่นหรือยัง และได้ละบาป คิดดี พูดดี ทำดีจนถึงที่สุด ในที่สุดได้ปล่อยวางที่ใจได้ทุกอย่าง มีอยู่แต่ใจไม่ยึดถือ สิ่งใดรู้แล้วเห็นแล้วก็ได้วางไปจากใจหมดแล้ว สิ่งที่มีอยู่ หามาได้มากเท่าใดก็วางไปจากใจตลอดเวลาแล้ว สิ่งใดที่อยากได้ อยากเป็นก็วางไปจากใจหมดสิ้นแล้ว ทุกขณะจิตปัจจุบันรู้แก่ใจว่าสิ้นความรู้สึกว่ามีเรา ตัวเรา หรือตัวตนของเราเข้าไปเสวยหรือยึดมั่นถือมั่นสิ่งใด หรืออารมณ์ใดๆ ตลอดเวลา นี่เป็นพร
ผู้ถาม : ชาตินี้ชาติสุดท้ายจริงหรือเปล่าคะหลวงตา อยากจบแล้ว เบื่อแล้ว
หลวงตา : เอาจริงมั้ยย .... ล่ะ ! คนจริง ทำจริง ย่อมรู้จริง เห็นจริง เป็นจริง .... อยู่ที่ใจเจ้าของ ... จะจบหรือไม่ล่ะ .... ถ้าจบ ... มันก็จบจริง ๆ วางทั้งอดีต วางทั้งปัจจุบัน วางทั้งอนาคต วางทั้งหมดที่รู้ที่เห็นแล้ว วางทั้งหมดที่รู้ที่เห็นในทุกขณะปัจจุบัน วางทุกอย่างที่อยากได้ อยากเอา อยากเป็น อยากบรรลุในอนาคต อยู่กับรู้แก่ใจทุกขณะปัจจุบันว่า ไม่มีความรู้สึกว่ามีตัวเราเข้าไปยึดมั่นถือมั่นสิ่งใดทั้งภายนอกและภายใน (ทุกคิด ทุกอาการ หรือทุกอารมณ์) แม้กระทั่งไม่มีความรู้สึกว่ามีเราหรือตัวเราไปยึดถือใจที่ว่างเปล่าหรือใจที่ไม่ยึดถือ
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2560