ผู้ถาม : กราบนมัสการครับหลวงตา หลังจากได้รับคำชี้แนะจากหลวงตาเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อความพ้นทุกข์ เมื่อวานก็ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำจนกระทั่งดึกและเผลอหลับไป ตอนประมาณ 6 โมงเช้าวันนี้ก็รู้สึกตัวขึ้นมาและได้ปฏิบัติวิปัสสนาโดยการดูจิตต่อเลย ในขณะที่ยังนอนและหลับตาอยู่ สักครู่หนึ่งก็เห็นเป็นมโนภาพขึ้นในจิต หรือจะเป็นนิมิตก็ไม่ทราบ แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนมาก เป็นภาพที่เหมือนระเบิดปรมาณูตกลงมาบนพื้นดินในระยะไกลที่เราพอมองเห็นได้ เป็นภาพแบบสโลว์โมชั่น พอมันตกถึงพื้นก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เกิดพลังงานแรงอัดแผ่กระจายออกโดยรอบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีฝุ่นคลุ้งตลบอบอวลไปหมด แล้วพลังงานอันนั้นก็มา กระแทกกับตัวเรา แล้วภาพที่เราเห็นก็ค่อย ๆ หายไปเป็นความมืด พร้อม ๆ กับรู้สึกตัวว่า ศีรษะและลำตัวเหมือนมีอะไรมากดทับบีบอัด มากขึ้น ๆ มากขึ้นไปเรื่อย ๆ หูก็อื้ออึงไปหมด มีอาการอยู่สักพักหนึ่งแรงที่กดและบีบอัดอยู่ก็ค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดไปแล้วกลายเป็นปีติขึ้นมาแทน แล้วก็รู้สึกตัวว่าร่างกายโปร่งโล่งเบาไปหมด สภาวะคล้าย ๆ กับอากาสานัญจายตนะในอารมณ์สมถะกรรมฐาน ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเหตุการณ์ก็กินเวลาประมาณ 30 นาที พอมองย้อนกลับไปก็จะเห็นเลยว่า1. ธรรมะของพระพุทธเจ้าถ้าปฏิบัติจริงก็จะเห็นจริง ขอให้มีความเพียรอย่างต่อเนื่อง2. แนวทางการปฏิบัติต้องมีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะ และคำชี้แนะ มักจะมาในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลจากครูบาอาจารย์สุดท้ายนี้จะน้อมนำคำชี้แนะของหลวงตาไปปฏิบัติต่อเนื่องจนถึงที่สุด กราบขอบพระคุณอย่างสูง หลวงตา : ให้ปล่อยวางทั้งหมดทุกขณะจิตปัจจุบัน แม้แต่ความรู้สึกสงสัยว่าตัวเราติดอะไรอยู่ ตัวเราจะทำอย่างไรต่อไป ตัวเรา .. ตัวเรา ๆๆๆๆๆ แม้แต่ความรู้สึกว่าตัวเราไม่ติดอะไร ก็ต้องปล่อยวาง เพราะไม่มีตัวเรา มีแต่สังขารที่เกิดขึ้นแล้วดับไปเท่านั้น ขณะจิตที่ไม่มีเจตนา จงใจ ตั้งใจ หรือ พยายามคิดปรุงแต่งใด ๆ แม้น้อยหนึ่ง นิดหนึ่ง หรือ สักปรมาณูหนึ่ง (เรียกว่าสิ้นปรุงฝ่ายที่ถูกรู้) และ ไม่มีเจตนา จงใจ ตั้งใจ หรือ พยายามเป็นผู้ดู ผู้รู้ ผู้เห็น ผู้จ้อง ผู้เพ่ง (เรียกว่าฝ่ายผู้รู้) หรือเลยสังขาร หรือเรียกว่าเลยโลกไป ก็เป็นความว่าง ไม่มีผู้ยึดถือความว่าง ก็เป็นมหาสุญญตา ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2560