ผู้ถาม : กราบนมัสการค่ะหลวงตา กราบขอโอกาสเรียนถามหลวงตาว่าตอนนี้หนูควรจะปฏิบัติอย่างไรคะ แม้หนูจะพอเข้าใจว่า จิตนี้ไม่ใช่เรา เพราะส่วนใหญ่จะเห็นว่ามันทำของมันเอง และก็คอยแต่จะพาไปสร้างความมีตัวตน ลึก ๆ ยังต้องการจะไปเอาอะไร แต่ก็ไม่ลงแก่ใจ หนูควรจะกลับไปพิจารณาร่างกายหรืออาการ 32 อีกไหมคะ ตอนนี้เวลาจะพิจารณาเหมือนจิตจะไม่ยอม หรือหนูควรจะฝืนพิจารณาจนกว่าใจจะยอมปลงปล่อยวาง หรือหนูควรจะทำอย่างไร เพื่อให้หลงยึดมั่นถือมั่นน้อยลงคะ เมื่อวานนี้ฟุ้งซ่านมากจากผัสสะที่มากระทบ ซึ่งจะเป็นแบบนี้เป็นช่วง ๆ ค่ะ เมื่อเช้านี้หลวงตาส่งโอวาทธรรมพ่อแม่ครูบาอาจารย์มา หนูเลยลองบริกรรมพุทโธ ซึ่งปกติไม่ได้บริกรรม เหมือนจิตมันบริกรรมเอง สักพักก็หยุดเปลี่ยนเป็นไหว ๆ แทน เดี๋ยวนี้เวลาฟุ้งซ่านและคิดจะดูลมหายใจ ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจะเหมือนเมื่อก่อน เหมือนมันหน่วง ๆ บางครั้งต้องฝืนหายใจและเหมือนจะถูกเอาไปผูกกับจิต ทำให้อึดอัด ขอความเมตตาหลวงตาช่วยชี้แนะด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หลวงตา : โยมพยายามเอาตัวเราไปปล่อยวางเพื่อให้ตัวเราได้อะไร ถึงอะไร แต่ไม่ได้ปล่อยวางความคิดความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา ต้องเห็นว่าความคิดความรู้สึกว่าเป็นตัวเรานั้นเป็นสังขาร
หยุดดิ้นรนค้นหา หยุดหาถูกหาผิด
ทิ้งให้หมด ปล่อยวางให้หมด
ทุกอาการที่เกิดมันคือสังขารทั้งหมด
ให้วางให้หมด
ให้มีสติทุกขณะปัจจุบัน .. รู้เท่าทันความคิด
การปรุงแต่ง สามารถปรุงแต่งได้
แต่ต้องปรุงแต่งด้วยความมีสติ
ในกรอบของความถูกต้องดีงาม
เสร็จแล้วก็ปล่อยวาง
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อนาคตก็จะดีไปเอง
ปล่อยวางให้ได้ ไม่ยึดถืออะไรทั้งหมด
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2560