ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงตาค่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนกับที่หลวงตาสอน ส่งมาให้เผื่อจะมีประโยชน์ค่ะ
มีใจย่อมตามได้ ไร้ใจจะตามที่ไหน ?
กาลครั้งหนึ่งมีพระกรรมฐานผู้เคร่งครัดนามว่า จินปี้ฟง (金碧峰禅师) ท่านปฏิบัติธรรมบรรลุภูมิขั้นสูง สามารถเข้าฌานตัดกระแสความคิดได้ เมื่อตัดกระแสความคิดได้ใจจึงว่างเปล่า จึงไม่มีผู้ใดสามารถพบ "ใจ" ของท่านได้ ฮ่องเต้ทราบว่าท่านสำเร็จธรรมขั้นสูงจึงเกิดความเลื่อมใสถวายบาตรหยกเลื่อมทอง (จินปี้) ให้กับท่าน เมื่อได้รับพระราชทานของชั้นเลิศ พระอาจารย์เกิดความยินดียิ่งจนเผลอลืมสติเกิดความยึดมั่นถือมั่น
วันหนึ่ง ถึงวาระที่อายุขัยท่านได้หมดลง พญายมราชจึงสั่งให้ยมทูต 2 ตนมาเชิญดวงวิญญาณท่านไป ขณะนั้น ไต้ซือจินปี้ฟงกำลังเข้าฌานลึก แม้นร่างกายอยู่ที่วัด แต่ยมทูตกลับค้นหาดวงจิตของท่านไม่พบ หลังจากหารือกันสักพักทั้งคู่จึงไปขอความช่วยเหลือจากภุมเทวดา หรือเจ้าที่เจ้าทางแถว ๆ นั้น
เมื่อบอกเล่าสาเหตุที่มาขอความช่วยเหลือแล้ว ภุมเทวดาจึงตรองดูอยู่พักหนึ่ง แล้วบอกกับยมทูตว่า ไต้ซือจินปี้ฟงมิได้ยึดติดกับสิ่งอันใด แต่ก็ใช่ว่าจะพ้นจากตัณหาอุปาทานไปเสียทั้งหมด ยังมีบาตรหยกทองอันล้ำค่านั่นไงเล่า หากพวกเราหาบาตรนั่นให้พบแล้วลองเคาะเบา ๆ สัก 3 ครั้ง ท่านได้ยินเข้าจะต้องออกจากฌานมาแน่ ๆ ยมทูตจึงไปนำบาตรล้ำค่าออกมาแล้วเคาะเบา ๆ ครั้นไต้ซือได้ยินเสียงก็ตื่นขึ้นหลุดจากฌาน
ท่านจึงซักถามที่มาที่ไป ครั้นทราบว่าตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะบาตร ท่านก็เกิดสังเวชในตัวเองว่า นี่เราปฏิบัติธรรมมานานหลายปี แต่กลับยังไม่พ้นจากสังสารวัฏเวียนเกิดเวียนตาย เหตุเพราะยึดมั่นถือมั่นในบาตรอันนี้แท้ ๆ
ไต้ซือจินปี้ฟงจึงร้องขอกับยมทูตว่าก่อนจะติดตามไปนรกภูมิ ท่านขอทำอะไรสักอย่างเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อยมทูตอนุญาต ท่านจึงหยิบบาตรล้ำค่ามาแล้วทุ่มลงกับพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ จากนั้นจึงเข้าวิปัสสนากรรมฐาน
คราวนี้ไม่มีอะไรให้ยึดติดอีก ไต้ซือจินปี้ฟงดับหมดสิ้น ไม่เหลือใจให้ใครมาตามล่า พ้นสังสารวัฏไปตลอดกาล
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2560