ผู้ถาม : แนวที่หลวงตาสอนแบบนี้จะใช่สติปัฏฐานสี่ไหมคะ
หลวงตา : หลวงตาก็สอนอยู่ในสติปัฏฐานสี่ คือ มีสติ ปัญญา สักแต่ว่ารู้ กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ก็คือ ให้ปล่อยวางขันธ์ห้า หรือ ร่างกายจิตใจของตัวเราเอง
คือ ให้มีสติปัญญาปล่อยวางสังขารที่ปรุงแต่งคือร่างกายจิตใจของตนเอง เห็นว่าไม่ใช่ตัวตนของเราจริง ๆ เป็นตัวสมมติ มีความไม่เที่ยงตลอดเวลา เกิด ตั้งอยู่เพียงชั่วคราวแล้วดับไป ไม่หลงยึดมั่นถือมั่นร่างกายว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา หรือ หลงยึดมั่นถือมั่นจิตปรุงแต่ง เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา หรือเป็นตัวตนของเรา คือยอมรับว่าร่างกายไม่เที่ยง ต้องตาย แตก ดับ แต่หลงยึดถือผิด ๆ ว่า มีตัวเรา หรือมีตัวตนของเราอยู่ในตัวเรานี้ เมื่อไม่สิ้นหลงยึดถือที่ผิด ๆ ทั้ง ๆ ที่ในร่างกายของเราก็ไม่มีตัวตนของเรา ดังนั้น เมื่อขันธ์ห้าแตกดับ แต่ความหลงยึดถือร่างกาย และจิตใจว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา หรือเป็นตัวตนของเรายังไม่สิ้น จึงหลงเหลือความหลงรู้สึกว่ามีตัวเรา หรือเหลือตัวเราไปเกิดให้เป็นทุกข์อีก และทุกขณะปัจจุบัน เมื่อหลงว่ามีเรา ตัวเรา หรือตัวตนของเรา ก็จะหลงเอาตัวเราไปคิดปรุงแต่งหลงรัก หลงชัง ให้เกิดกิเลส ตัณหา และความทุกข์
สิ้นหลงยึดถือว่ามีเรา ตัวเรา หรือตัวตนของเรา ก็สิ้นหลงคิดปรุงแต่งเอาตัวเราไปยึดถือ ก็สิ้นกิเลส ตัณหา และความทุกข์
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2560