ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ... โยมปฏิบัติมาหลายปีแล้วเพิ่งมาได้ฟัง CD ของหลวงตาไม่กี่เดือนมานี้ ขอเล่าสภาวะนะคะ (อาจเรียบเรียงไม่สละสลวยขออภัยค่ะ) โยมนั่งสมาธิโดยใช้บริกรรมพุทโธ ... เมื่อพุทโธหาย จิตนิ่งมากค่อย ๆ ดิ่งลงลึก ... สักพักรู้สีกตัวค่อย ๆ ถอยออกมาที่สมาธิตื้น ๆ แล้วมีอาการเบา โล่ง เย็น ๆ ... และมีอะไร ๆ ผุดขึ้นในใจ ... ก็รู้สีกแผ่วเบา แล้วก็ปล่อยไป ๆ ๆ ... จนจิตนิ่ง ... นิ่ง แล้วมีความคิดเกิดขีนในใจ (หรือเห็น) ว่า แขน ขา หลุดออกมากองตรงหน้าทีละชิ้น ๆ แล้วโยมก็นั่งมองดู ๆ แล้วแขนขานั้นมันย่อยสลายไปกับสายลม บางส่วนละลายไปกับน้ำเหลือง กระดูกกองกับดิน ... จิตคิดขี้นมาทันทีว่า อ๋อ ... อย่างนี้นี่เองที่ว่าร่างกายเราเกิดมาจากการรวมตัวของธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ... เมื่อร่างกายแตกสลายลงก็กลับคืนสู่ธรรมชาติ ไม่มีตัวเรา ที่เป็นของเราเลย ... หลังจากโยมเห็นแบบนี้แล้ว ในชีวิตประจำวัน เหมือนเราเป็นหนี่งเดียวกับธรรมชาติ ไม่มีตัวตน ... เบาสบาย ไม่รู้สีกอะไรกับ อะไร ... แต่ไม่เผลอเหม่อเลยนะคะ ... ยังมีสติตลอดเวลา ... ขอถามหลวงตาว่า
1. การที่เห็นแขนขา แยกออกมาแล้วสลายกลายเป็นธาตุนั้นเห็นตามความเป็นจริงที่เกิดจากปัญญา ... หรือเป็นอย่างอื่นคะ
2. และโยมต้องปฏิบัติแบบไหนต่อไป กราบขอบพระคุณหลวงตาเจ้าค่ะ
หลวงตา : ให้น้อมพิจารณาเห็นตัวเองแก่ เจ็บ ตาย เน่า เปื่อย ผุพังสลายเป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ลม ไฟ และความว่าง ซ้ำ ๆๆๆๆ ... อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย อย่าไปสนใจยึดถือความรู้สึกว่าง เบา สบายโดยเด็ดขาด มันจะหลง
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2560