ผู้ถาม : กราบนมัสการเจ้าค่ะหลวงตา บางครั้งหนูสังเกตเห็นว่าในความเคลื่อนไหวของสังขารมีความนิ่งเงียบที่ไม่เคลื่อนไหวอยู่ด้วย ซึ่งเดาว่ามันคือวิสังขาร แต่สงสัยว่าเราเลือกได้ด้วยเหรอเจ้าคะ ว่าจะอยู่กับวิสังขาร เป็นวิสังขารหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ รู้ว่าถ้ามีสติอยู่ จะเห็นว่าขันธ์ห้ามันทำงานเอง โดยหนูยังไม่ได้บอกให้มันทำเลย เช่น ได้ยินเสียง หนูยังไม่ได้บอกมันเลยว่าเสียงอะไร ชอบไหม แต่มันก็เกิดการแปลเอง เกิดเวทนาชอบไม่ชอบของมันเอง มีความรู้สึกคันตา มือมันก็ยกมาขยี้เอง โดยไม่มีใครสั่ง เลยเห็นว่า … เออ มันทำงานของมันเองจริง ๆ เจ้าค่ะ ไม่ต้องอาศัยเราเลย
ส่วนจิต มันอยากจะคิดมันก็คิดเอง มันอยากจะปรุงมันก็ปรุงเอง แล้วมันก็ดับของมันไปเอง ขนาดนั่งสมาธิแล้วหนูตั้งใจว่าจะไม่คิดอะไรให้มันท่องแต่พุทโธ ๆ มันก็คิดโน่นคิดนี่เอง แล้วมันก็กลับมาพุทโธเอง บังคับอะไรไม่ได้ ไม่อยากให้มันหลงไปกับความคิด มันก็หลงอีก พอรู้ว่าอ้าว … หลงไปแล้ว มันก็หายหลง
อีกคำถามหนึ่งเจ้าค่ะหลวงตา หนูสังเกตว่าบางครั้งมีอารมณ์โกรธ หงุดหงิดแบบรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ทำให้หนูพูดหรือกระทำอะไรออกไป (ที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ) อันนี้เพราะเรากลายไปเป็นสังขารหรือเปล่าคะ แต่ที่แปลกใจคือหนูรู้ว่าตอนนั้นหนูมีสติ ไม่ได้ขาดสติ เพราะหนูรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเห็นอารมณ์ที่เกิด เห็นร่างกายกับคำพูดมันทำของมัน แต่ห้ามมันไม่ได้ แล้วก็เห็นอารมณ์มันค่อย ๆ ดับของมันไป เลยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะติดแช่ ติดสบายหรือเปล่าเลยมีอารมณ์รุนแรงขึ้นเจ้าค่ะ กราบขอความเมตตาหลวงตาช่วยชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : เพราะพยายามเลือกจะเป็นวิสังขาร จึงทำให้หลงสังขาร หรือ หลงยึดถือขันธ์ห้าเป็นตัวเรา มีตัวตนของเรา แล้วคิดปรุงพยายามให้ตัวเราเป็นวิสังขาร เมื่อไม่ได้อย่างใจอยากเสียที ก็เกิดความหงุดหงิดขัดเคืองใจสะสมมากขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว เมื่อถูกกระทบ หรือถูกขัดใจ หรือ ไม่ได้อย่างใจอยากในสิ่งใด ก็จะระเบิดอารมณ์ที่เก็บสะสมไว้ออกมา จึงมีอารมณ์แรงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าปกติธรรมดา
ผู้ถาม : เข้าใจแล้วค่ะหลวงตา ความหลงยึดถือนี่มันช่างฝังรากลึกจริง ๆ เจ้าค่ะ มันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เราทำโน่นทำนี่ตลอดเวลาเลย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นแค่ความเข้าใจผิด คิดว่าเรามีตัวตน เหมือนผีมีตัวตนแท้ ๆ เลยเจ้าค่ะ ปรุงแต่งทั้งนั้น ๆๆ กราบขอบพระคุณหลวงตาเจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561