ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ช่วงหลังน้อมพิจารณากายดูการเน่าเปื่อยผุพังของร่างกาย แต่ก็ยังคงเห็นอัตตาของตัวเองผลุบ ๆ โผล่ ๆ ความเป็นตัวเรายังมีอยู่ตามที่หลวงตาเมตตาบอก ก็แค่รู้ว่าเป็นสังขาร เห็นผู้รู้วางผู้รู้ทันบ้างไม่ทันบ้าง ก็ปล่อยไป ฟังหลวงตาเรื่องถอดรูปปรมาณูวิญญาณ แล้วเห็นภาพคล้ายกับที่เคยปฏิบัติมาก่อนหน้า เวลานั่งสมาธิหรือเดินจงกรม หรือแม้ยามปกติ บ่อยครั้งจะรู้สึกถึงความยุบยิบ ๆในร่างกาย รู้สึกได้ถึงการเกิดดับของเซลล์ บางครั้งจะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนของทุกอณูในร่างกาย มันสั่นจนเหมือนจะแยกจากกัน รู้ได้ว่าร่างกายเราไม่มีอะไร ทุกอย่างเป็นเพียงแค่พลังงานมาเกาะเกี่ยวกัน สุดท้ายก็แยกสลาย แต่มันยังไม่ได้เข้าถึงใจตลอดเวลา มีปัญญาเป็นบางช่วง วันนี้พอนั่งพิจารณากายไป เกิดยุบยิบเลยดูการเกิดดับ พิจารณาความไม่เที่ยงของร่างกาย มีเกิดมีดับเป็นธรรมดา พอพิจารณาไปสักพัก ก็เกิดแวบขึ้นมาว่าไม่มีร่างกาย ไม่มีเกิดไม่มีดับ แล้วก็แวบขึ้นมาอีก ไม่มีร่างกายไม่มีตัวเราไม่มีเกิดดับ อย่างงั้นจะพิจารณาอะไรล่ะ จากนั้นก็เฉย ๆ ไ่ม่รู้จะดูอะไร ก็เลยวาง ออกจากสมาธิ ขอหลวงตาเมตตาชี้แนะค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ กราบนมัสการ กราบ กราบ กราบ
หลวงตา : เห็นการสั่นสะเทือนในกายดั่งปรมาณูแล้ว ก็ให้เห็นการสั่นสะเทือนใน “จิต” ในปัจจุบันขณะ ดังการสั่นสะเทือนการเคลื่อนไหวของปรมาณูจิต สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่ารู้ ไม่หมายมั่นยึดถือ หรือ ไม่ไปอะไรอะไรกับมัน
เห็นการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือนดังปรมาณูใน “ผู้รู้” ในปัจจุบันขณะ ไม่ไปยึดถือ ไม่ไปอะไร ๆ กับมัน เพียงแค่นี้ก็ … สิ้นตัวตน สิ้นอวิชชา
นี่แหละคือการถอดรูปปรมาณูวิญญาณ คือสิ้นผู้เสวยหรือสิ้นผู้ยึดถือสังขารแม้เพียงน้อยหนึ่งนิดหนึ่งหรือเพียงปรมาณูหนึ่ง ก็สิ้นอวิชชา หรืออวิชชาดับ สังขารกรรมแม้เพียงน้อยหนึ่งนิดหนึ่งหรือเพียงปรมาณูหนึ่งก็ดับ มีผลทำให้วิญญาณกรรมแม้เพียงน้อยหนึ่งปรมาณูหนึ่งก็ดับ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2561