ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาค่ะ ขอโอกาสส่งการบ้านค่ะ กายสังขารมันเป็นรูปธรรม จึงเห็นได้ง่ายว่ามันตกอยู่ภายใต้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผมที่เคยดำ ก็หงอกขาว สภาพร่างกายไม่เหมือนเดิมไม่ว่าเราจะดูแลเรื่องการกินอยู่หลับนอน ออกกำลังกายอย่างไร มันก็ไม่เหมือนเดิม แต่จิตตสังขาร มันเป็นนามธรรม ไม่เห็นภาพ จับต้องไม่ได้ แต่จากการพิจารณาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก็เห็นได้ว่ามันก็หลีกหนี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไปไม่ได้
ความคิดใด ๆ ที่เกิดขึ้น ก็อยู่ได้ไม่นาน คิดเรื่องนี้ แล้วก็เปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่น นอกจากนั้นมันก็ไม่ใช่ของเรา เพราะเราควบคุมมันไม่ได้ สังเกตจากตัวเองว่าแม้กระทั่งตอนฟังไฟล์หลวงตา จิตมันก็แวบไปคิดเรื่องอื่น พอมีสติรู้สึกตัวขึ้นมา ก็บอกตัวเองว่าเอาใหม่ เอาใหม่ ตั้งใจใหม่ แต่ก็ได้แค่แป๊บเดียว มันก็แอบไปคิดเรื่องอื่นอีก
ในช่วงระยะหลัง ก่อนเริ่มฟังไฟล์หลวงตา ก็บอกตัวเองว่า จะต้องตั้งใจฟัง ไม่วอกแวกไปคิดเรื่องอื่น แต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้งค่ะ มันไม่ใช่ของเราจริง ๆ เราสั่งมันไม่ได้ วันนี้ได้มีโอกาสฟังไฟล์หลวงตาหลายไฟล์ ก็เข้าใจว่าการที่เรามีเจตนาที่จะให้ใจไม่วอกแวก ก็เป็นอวิชชา เพราะมีเราพยายามกระทำอะไรให้เป็นอะไร
และเมื่อเราเห็นว่ามันเป็นอวิชชา ก็ให้ปล่อยมันไป เพราะมันก็เป็นสังขาร เหมือนปลาที่เน่าแล้ว ก็ต้องปล่อยทิ้งไป ถ้าเราพยายามไปดับอวิชชา พยายามไม่ให้อวิชชาเกิด ก็จะกลายเป็นอวิชชาซ้อนอวิชชา ไม่จบสิ้น นั่นคือสิ่งที่หลวงตาพร่ำสอนว่า สักแต่ว่ารู้ ถ้าผิดพลาดประการใด กราบหลวงตาเมตตาชี้แนะด้วยค่ะ
หลวงตา : สาธุ ถูกต้องแล้ว เพียรเห็นความจริงอย่างนั้นให้ต่อเนื่อง จนกว่าจะไม่มีตัวตนของผู้หลงยึดสังขารใดเป็นเรา ตัวเรา หรือ ของเราอีกเลย
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561