ผู้ถาม : สิ่งที่ผู้ปฏิบัติเกือบทุกคน เห็นความมีตัวตน เป็นเรื่องผิดปกติ ความไม่มีตัวตนเป็นเรื่องปกติ ที่ไม่ต้องมีการทำเอา เหมือนแต่ก่อน มันคือความรู้ความเห็นที่ทวนกระแส ที่มองสิ่งที่มี (สังขาร) ทั้งหลายเป็นธรรมชาติฝ่ายปรุงแต่งและสิ่งที่ไม่มี (วิสังขาร) เป็นธรรมชาติฝ่ายไม่ปรุงแต่ง ไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของของเรา เป็นความปรุงแต่งที่ไม่มีอยู่จริง มันจึงเกิดการทวนกระแสกลับ หมุนย้อนเข้าหาภายในของเลขหนึ่งไทย ซึ่งที่สุดก็คือความว่างเปล่า ไม่ได้มีสิ่งใดอยู่จริงเลย การทวนกระแสโลกเข้าหากระแสธรรมนี้ เป็นการสลัดความหลงยึดถือ ทั้งหลายคืนสู่ธรรมชาติเดิมแท้ของเขาเอง การสลัดคืนจะมี พลังมากขึ้นเรื่อย ๆ (ความรู้ความเห็นที่ละเอียดมากขึ้นเรื่อย ๆ) จนถึงจุดสุดท้ายที่ปล่อยวางทุกอย่างคืนสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริงซึ่งก็คือการถอดรูปปรมาณูของวิญญาณ ปลดปล่อยความยึดถือที่ละเอียดมากดังรูปปรมาณู กลับคืนธรรมชาติ สิ้นอวิชชาอย่างถาวรใช่ไหมครับ กราบขอบพระคุณหลวงตาครับ
หลวงตา : “การถอดรูปปรมาณูของวิญญาณ” ก็คือ ความหลุดพ้นจากจิตตสังขาร ตั้งแต่เริ่มต้นเกิดขึ้น หรือ เริ่มต้นเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะมีความละเอียดรวดเร็วปานปรมาณู ก็ไม่รอดพ้นจากผู้มีสติปัญญาสูงสุดที่สามารถรู้เท่าทันรู้ได้ จึงไม่หลงเข้าไปในสังขาร หรือ ไม่หลงเป็นสังขารในขณะจิตปัจจุบันนั้น
จึงหลุดพ้นจากจิตตสังขาร ตั้งแต่จิตเริ่มต้นแสดงความคิดหรือปรุงแต่งที่มีความละเอียดและเคลื่อนไหวรวดเร็วจนถึงที่สุดถึงปรมาณูจิต ถัดจากนั้นไป ก็เป็นความไม่มีอะไรปรากฏ เรียกว่า “วิสังขาร”
ส่วนสังขารของขันธ์ห้ายังไม่ดับ ก็ยังสังขารต่อไป แต่ไม่มีผู้หลงเอาจิตตสังขารไปปรุงแต่งยึดถือ หรือ หลงเป็นจิตตสังขาร อีกต่อไป เมื่อไม่มีผู้หลงยึด จึงไม่มีผู้ทุกข์ หรือ พ้นทุกข์ (นิพพาน)
ผู้ถาม : คำอธิบายด้านบนนี้คือสิ่งที่หลวงตาเมตตาเพียรบอกสอนให้ผู้ปฏิบัติต้อง เด็ดเดี่ยวกล้าหาญทุกปัจจุบันขณะ" ที่จะรู้ เห็น และเท่าทันความไหวความเคลื่อน ที่ละเอียดดังปรมาณูซึ่งล้วนเป็นสังขารทั้งสิ้น หากไม่เท่าทันตั้งแต่ต้นจิตก็หลงยึดถือเป็นอวิชชา เกิดการหมุนของปฏิจจสมุปบาททันที ดังที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้สอนไว้ว่า "พบ หรือ รู้ หรือ พ้นต้นจิต จิตต้น พ้นโหยหวน" กราบขอบพระคุณครับหลวงตา
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2561