ผู้ถาม : กราบหลวงตา ขออนุญาตส่งการบ้านนะคะ เมื่อคืนลูกได้นั่งสมาธิท่าสบาย ๆ ฟังเทปหลวงปู่ดูลย์ไปด้วย นั่งดูลมและตามดูอาการปวดหัว คือลูกมีโรคประจำตัว คือโรคไมเกรน ก็ตามสักแต่เห็น มีปวดแต่ไม่เข้าไปเป็นปวด สักพักก็มีอาการขนลุกขนพอง หัวใจเต้นแรง ก่อนหน้านี้ลูกเคยมีอาการแบบนี้ และก่อนจะมีอาการแบบนี้ ก็มีอาการตาพองโตจนตาแตก แต่อาการขนลุกขนพอง และอาการหัวใจเต้นแรงมือล็อคตัวล็อคนั้น ลูกเคยมีประสบการณ์มาแล้ว และเคยเกิดความกลัวสมาธิ ก็จึงไม่ค่อยกล้านั่งนิ่งมาก ๆ เพราะนิ่งมากทีไรก็จะมีอาการแบบนี้ จนกระทั่งเมื่อคืนก็เป็นอีก แต่โชคดีลูกได้ฟังธรรมะหลวงตา เข้าใจลึกซึ้งถึงคำว่า ไม่มีเรา ไม่เอา ไม่ให้ค่า ต่อทุกสิ่งทุกอาการที่สังขารมันทำงาน เพราะวงจรมันแค่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป อารมณ์สมาธิ ก็คือ มายา มันเป็นได้ มันมีได้ ลูกสังเกตว่า ถ้าลูกหลงไปกับอาการแล้วรู้สึกช้า มันจะเกิดเวทนา ลูกพยายามรู้ให้ทันและไม่เข้าไปเป็นสังขาร เจ้าจิตของลูกมันก็ยังไม่เฉียบคม แต่มันก็รู้ว่า ยิ่งรู้ช้า ความรู้ช้า ทำให้เกิดสังขารปรุงแต่งความกลัว พอกลัวก็จะอยาก ความอยากมันอธิบายไม่กระจ่างเดี๋ยวอยากละออกมา เดี๋ยวอยากเข้าไปให้ลึก แต่พอมีสติอยู่กับรู้ และเข้าใจว่า นี่มันสังขารล้วน ๆ มันไม่มีตัวเรา อารมณ์สมาธิมันเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ขอให้ทันมัน ให้รู้ให้ทัน แล้วอย่าหลงไปเป็น มันก็อารมณ์เดียวกับตอนใช้ชีวิตในโลก ถ้ารู้เร็ว รีบละ ก็ไม่เกิดตัณหา ไม่เกิดอุปาทาน เมื่อก่อนลูกไม่รู้วิธีการนี้ ลูกก็เลยกลัวการทำสมาธิ แต่ถามว่าลูกชอบใจหรือไม่ ก็มีทุกอารมณ์ บางอารมณ์อยากไปให้สุด มีความอยาก บางอารมณ์ก็เกิดความกลัว ไม่อยากไปต่อ ไม่อยากเป็นต่อต่ออาการที่เกิดขึ้น ต่ออารมณ์สมาธิที่เห็น บางทีเห็นเหมือนตอนเราดูทีวี แล้วเราจะเข้าไปในห้วงอะไรสักอย่าง แต่ทั้งหมดในอารมณ์สมาธิมันก็แค่ภาพลวงตา มันเป็นแบบนั้น ทั้งหมดที่ลูกเล่ามามันเป็นแบบนั้นจริง แต่ลูกก็รู้ว่ามันไม่มีจริง ทุกอย่างมันเป็นสังขาร จะอารมณ์ชอบใจไม่ชอบใจ เวทนาสุข เวทนาทุกข์ มันเป็นธรรมชาติของสังขารที่ต้องทำงานแบบนั้น ต้องมีทุก ๆ อารมณ์ ความรู้สึก แต่เราจะหลุดรอดได้ ก็แค่เราไม่ยึดมันมา ไม่เข้าไปเป็นมัน เมื่อไม่มีตัณหาเสียแล้ว ตัวอุปาทานก็ไม่มี วงจรการเกิดมันก็หยุดเสีย แต่ตอนส่งอารมณ์กับตอนเจอสถานการณ์จริงมันกระชั้นชิดและตื่นเต้นเหมือนในหนังเลยค่ะ มันเลยต้องใช้ความว่องไวของจิตมาก ลูกเลยคิดว่า การฝึกอยู่กับรู้ ยิ่งรู้เร็วยิ่งปลอดภัย ลูกขอส่งการบ้านและขอคำแนะนำจากหลวงตานะคะ ช่วงหลัง ๆ เจ้าจิตมันวิพากษ์หนักมาก จนบางครั้งก็ปวดหัวมากเลยค่ะ และเผลอไหลเข้าไป เล่นกับมันบ่อยมาก กว่าจะรู้ก็เผลอคิด เผลอปรุงตลอดจนปวดหัวเลยค่ะ
หลวงตา : ถ้าหลงมีตัวเราขึ้นมาในขณะจิตใด และ มีตัวเราไหลเข้าไปรวมกับอะไร ทั้งรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ คือ เวทนา สัญญา สังขาร แม้แต่ วิญญาณ คือ ผู้รู้ ก็จะเกิดปัญหาทำให้เกิดความทุกข์ต่าง ๆ เช่น ความกลัว ความวิตกกังวล … แม้แต่อาการปวดหัวไมเกรนนั้นด้วย
ถ้ารู้สึกแก่ใจจริง ๆ ว่าตัวตนไม่มีอยู่จริง เพราะ มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่เรา ตัวเรา หรือของเรา ก็จะไม่มี “อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ...ซึ่งเป็นกิเลส เป็นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ในประการต่าง ๆ ดังกล่าว”
รู้อะไรได้ทุกอย่าง ถ้า ไม่มีตัวตนของเรา ก็ไม่มีผู้ยึด ให้เป็นกิเลสและความทุกข์
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561