ผู้ถาม : กราบขอโอกาสค่ะหลวงตา อ่านทวนแล้วขอสรุปตามความเข้าใจดังนี้ค่ะ ผิด/ถูกประการใดขอได้โปรดชี้แนะลูกศิษย์ด้วยนะเจ้าคะ เมื่อจิตยังมีอวิชชา จึงเป็นปัจจัยให้เกิด สังขารกรรม (คือการกระทำ คิด พูด ตามแต่กิเลสจะพาไป) และก่อให้เกิด วิญญาณกรรม ความรู้สึกมีตัวตน รับผลของสังขารกรรมตามที่กระทำ คิด พูด ในปัจจุบันขณะนั้น นำไปสู่การสร้างภพ สร้างชาติ และทุกข์ ตามแต่ความหลงยึดถือของกิเลสนั้น ๆ
ส่วนสังขารวิบาก วิญญาณวิบาก (อันเกิดจากกรรมเก่าเป็นการปรุงแต่งที่สำเร็จรูปแล้ว) อันนี้อยู่ในขันธ์ห้า และเป็นกิริยาจิต สังขารวิบากมีจิตตสังขารเป็นใหญ่ จะต้องมี สติ สมาธิ ปัญญา คอยเฝ้าสังเกตบ่อย ๆ เนือง ๆ หรือทุกปัจจุบันขณะ แต่เพียงให้สังเกตแบบ … สักแต่ว่ารู้ … เท่านั้น และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เหมือนฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ต้องไม่มีตัวเราเข้าไปเป็นเจ้าของปรากฏการณ์นั้น ๆ มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าเห็นอย่างนี้ได้บ่อย ๆ เนือง ๆ จิตจะค่อย ๆ ยอมปล่อยวาง และสิ้นหลง สิ้นยึดถือลงได้ในที่สุด ...ใช่ไหมคะหลวงตา กราบขอบพระคุณในความเมตตาค่ะ
หลวงตา : สาธุ ถูกต้องแล้ว
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561