ผู้ถาม : กราบขอโอกาสครับหลวงตา
ช่วงนี้ จะมีอาการป่วยวิงเวียน เป็นอาการบ้านหมุนอยู่บ่อยๆ แต่ไม่หนักเหมือนอดีตที่เคยเป็นจนลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้
ปฏิบัติแช่อยู่ในอารมณ์สักอย่างอยู่หรือเปล่าครับหลวงตา
หลวงตา: ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเอาตัวเราไปดู รู้ เห็น สังเกต หรือ ปล่อยวางจิตหรืออาการของจิต
ที่ถูก;
จะต้องปล่อยวาง หรือ สิ้นผู้รองรับ หรือสิ้นผู้เสวย หรือ
สิ้นผู้ยึดถือผู้ดู ผู้รู้ ผู้เห็น ผู้สังเกต ผู้ปล่อยวางทุกปัจจุบันขณะ
เมื่อ ”เอาตัวเรา” ไปเป็นผู้ดู ผู้รู้ ผู้เห็น ผู้สังเกต ผู้ปล่อยวางจิตหรืออาการของจิต
“โดยไม่ปล่อยวางตัวเรา”
จะมีข้อเสียหาย คือ
จะมีตัวเราหลงไปยึดถือ ความว่าง โล่ง โปร่ง เบา สบายในขณะที่อาการของจิตที่ไม่ชอบใจซึ่งเป็นทุกขเวทนาดับไป
โดยไม่ได้สิ้นตัวเราผู้เสวย หรือผู้ยึดถือ
จะมีตัวเราซึ่งเป็น
ผู้ดู ผู้รู้ ผู้เห็น ผู้สังเกต ผู้ปล่อยวาง เป็นผู้เสพอาการว่าง โล่ง โปร่ง เบา สบาย
หรือหมายเอาช่องว่างระหว่างความดับไปของจิตหรือวิญญาณก่อนหน้านั้น กับจิตหรือวิญญาณใหม่ที่เกิดขึ้น
ว่าเป็นความว่าง แล้วยึดถือความว่างนั้น
หรือ
ใครเป็นผู้รู้ ผู้..........คนนั้นก็เป็นผู้เสพ ผู้เสวย ผู้ยึดถือเสียเอง
ความจริง;
ไม่ว่าจิตจะเกิดหรือจิตจะดับ ก็คงเป็นสังขารปรุงแต่ง
เปรียบเหมือนขณะที่กายสังขาร หรือวาจาสังขารเคลื่อนที่ แล้วหยุด หรือ ดับ แล้วเคลื่อนที่ใหม่ นั้น ก็คงเป็นสังขาร
ไม่ใช่ขณะที่สังขารกาย สังขารวาจา สังขารจิตหยุดหรือดับ จะเป็นความว่างซึ่งเป็นวิสังขาร
เพราะสังขาร ย่อมเป็นสังขารอยู่วันยังค่ำ ไม่อาจกลายเป็นวิสังขารหรืออสังขตธาตุได้
ในทางกลับกัน วิสังขารหรืออสังขตธาตุ ก็เป็นวิสังขารหรือ
อสังขตธาตุอยู่รำ่ไป ไม่อาจจะกลายเป็นสังขารเกิดดับได้
เพราะวิสังขารหรืออสังขตธาตุ ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง
ไม่มีรูปพรรณสันฐานใด ไม่อาจคิด หรือปรุงแต่ง เกิดดับได้
เพราะวิสังขารหรืออสังขตธาตุ เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอะไรปรากฏเลย จึงไม่เกิด ไม่ดับ ไม่อาจถูกทำลายได้
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561