ผู้ถาม : กราบนมัสการเจ้าค่ะหลวงตา เช้านี้ขณะวิ่งออกกำลังกายในขณะที่วิ่งก็มีแต่ธรรมชาติโอบล้อม มีต้นไม้ มีแสงแดด มีสายลมและก็มีเสียงธรรมเข้ามาว่าธรรมชาติให้ทุกอย่างกับเราโดยไม่ได้หวังอะไรตอบแทนเลย แต่ขณะนี้ที่เราพยายามจะมีสติรู้เท่าทันสังขารมีตัวเราแอบแฝงหวังผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลานั้นไม่ใช่ธรรมชาติของธาตุรู้ มันคือมีอวิชาแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ในใจ รู้คือรู้ซื่อซื่อไม่มีใครได้ผลประโยชน์และไม่มีใครไม่ได้ผลประโยชน์ทั้งหมดให้สักแต่ว่าอย่างเดียว แค่สักแต่ว่าอย่างเดียว เหมือนธรรมชาติให้ทุกอย่างกับเราแต่ไม่ได้หวังอะไรจากเรา รู้ซื่อซื่อก็รู้แบบธรรมชาตินั่นแหละเพราะรู้นี้เป็นธรรมชาติ ที่มีอยู่แล้วไม่ใช่เราสร้างให้มี แต่รู้นี้คือรู้ไม่เกิดไม่ดับได้แค่รู้ว่าทุกอย่างเป็นสังขารไม่ใช่มัน มันเหมือนธรรมมากระแทกอวิชชาให้พังลงไปในขณะปัจจุบันค่ะหลวงตา ไม่มีผู้เดินทาง ไม่มีทางเดิน ไม่มีเป้าหมาย ทุกอย่างจบลงในขณะปัจจุบันด้วยความสิ้นหลง สิ้นความยึดถือ
กราบขอบพระคุณในสิ่งที่หลวงตาเมตตาพร่ำสอนกับศิษย์ที่บางครั้งจะดื้อรั้นไปบ้าง แต่ศิษย์ก็จะไม่ห่างจากธรรมที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้รู้ได้เห็นแล้ว หลวงตาเป็นผู้มีอุปการคุณมากหาประมาณมิได้เจ้าค่ะ กรรมใดที่ศิษย์เคยล่วงเกินหลวงตาด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ดีในทุกภพชาติและ ปัจจุบันขณะนี้ขอองค์หลวงตาอดโทษให้กับศิษย์ด้วยนะเจ้าคะ กราบ กราบ กราบ
หลวงตา : สาธุ ให้อโหสิกรรมทั้งหมด อย่าประมาทในธรรมนะพระอริยะทั้งหมด แม้ท่านจะนิพพานแล้ว ท่านก็ไม่มีความประมาทในธรรม ทุกท่านเคารพธรรม แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสกับพระอานานนท์ว่า พระองค์เคารพธรรม ให้ทุกท่านเคารพธรรม มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นที่อาศัย แต่ไม่ติดธรรม ไม่ยึดธรรม
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561