ผู้ถาม : กราบนมัสการค่ะ ขอส่งการบ้านค่ะ เมื่อเช้าตอนเดินจงกรม ใจมันก็คอยคิดไปหาแต่คนที่เราไม่ชอบ เพราะคนนี้ชอบพูดใส่ร้ายคนอื่นรวมทั้งเราด้วย .. ใจมันก็คิดปรุงไปต่าง ๆ นานา เกิดความร้อนรน ไม่ชอบ … ทุกข์อยู่พักใหญ่ .. ก็เห็นอาการเหล่านั้นเกิดอยู่ .. จนมาสวดมนต์ทำวัตร สวดถอนอธิษฐานของหลวงตา อยู่ ๆ มันก็คิดขึ้นได้ว่าหลวงตาให้แค่รู้จริงตามอาการที่มันเกิด (รู้ ซื่อ ซื่อ ) ปรากฏว่า พอคิดได้อย่างนั้น .. ที่ทุกข์อยู่หายไปเฉย ๆ … จึงอ๋อ .. เข้าใจเลยที่หลวงตาบอก รู้ซื่อซื่อ .. เราก็ไม่หลงไปเป็นสังขาร … เป็นเช่นนี้เอง ..กราบขอบพระคุณค่ะ
มีอย่างหนึ่งที่ยังค้างใจค่ะ … เมื่อวานขณะทำงาน … ก็จะเห็นอีกตัวมันพากษ์ มันพูด ตลอด … อันนี้ฟุ้งไหมคะ .. บางครั้งไม่แน่ใจก็ใช้วิธีหลวงตา คือ มาบริกรรมพุทโธ เพื่อเช็คว่าเราหลงหรือเปล่า เพราะครูบาอาจารย์มักสอนให้อยู่ในอารมณ์เดียวไม่ส่งส่ายออกไปภายนอก ... อันนี้อยากรบกวนหลวงตาช่วยอธิบายเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้เข้าใจในสิ่งที่หลวงตาบอกว่า เราไม่ชอบทุกข์ และมักหาทางดับมัน … หรือหนีมัน จริง ๆ แล้วแค่เรารู้มันตามความเป็นจริง มันก็จบแล้ว ..
หลวงตา : ให้ปล่อยวาง “สังขาร” ทั้งหมดทุกปัจจุบันขณะ จึงจะพบใจหรือเป็น “ใจ” ที่ไม่สังขาร หรือ วิสังขาร คือ ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง ไม่ปรุงแต่ง ไม่เกิดดับ ไปเคลื่อนที่ ไม่กระเพื่อม
ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีการตั้งอยู่หรือหยุดอยู่ ไม่มีอะไรปรากฏเลย มันไม่ใช่เรา ตัวเรา หรือ ของเรา มันไม่ใช่แม้แต่ความรู้สึกว่าง
“ใจ” หรือ “สิ่ง” นั้นคือ ที่สุดแห่งทุกข์
ส่วน “สังขาร” คือ สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ก่อนมี ก็ไม่มี มีแล้วก็ดับกลับคืนไปสู่ความไม่มีตามเดิม เช่น จิตที่คิด นึก ตรึก ตรอง ปรุงแต่ง แสดงอาการ หรือ อารมณ์ต่างต่าง รวมทั้ง “ผู้รู้” ผู้เห็น ผู้เข้าใจ ผู้รู้สึกว่าเราอยากจะเอาจะเป็นอย่างไร ผู้ดิ้นรนค้นหา ผู้สงสัย ผู้หาถูกหาผิด ผู้หาความเข้าใจ ผู้พยายาม ผู้รู้สึกว่าเป็นเรา ตัวเรา หรือ ของเรา ผู้ ..... เป็นต้น
***** ไม่สังขาร ก็มีธรรมที่มั่นคง นี่คือองค์ธรรมเอกวิเวกจริง หรือ พบใจ พบธรรม ถึงใจ ถึงนิพพาน
(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่)
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2561