ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ส่งการบ้านเจ้าค่ะ ทำไมเราถึงแตกต่างกัน เพราะในหนึ่งขณะจิตมันเกิดดับเร็วมาก มาก มาก จนไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขเวลาได้ เหมือนที่หลวงตา บอกว่าเป็นปรมาณู ปรมาณู ณ ขณะจิตนั้น ๆ เราก็คิดนึกปรุงแต่งไปต่าง ๆ นานา พร้อมกับอวิชชาที่ยังมีอยู่ วงจรปฏิจจสมุปบาทยังครบถ้วน ทำให้เกิดกายโปร่งใสเพื่อไปรอภพชาติใหม่ต่อไปในทุกขณะจิต ทีนี้ ณ ขณะจิตซึ่งเร็วมาก แล้วเราตาย ในขณะจิตที่ตายนั้นเราคิดนึกปรุงแต่งอะไรอยู่ กำลังยึดอะไรอยู่ กำลังห่วงอะไรอยู่ ถ้าเราขาดสติ ไม่เคยฝึกจิต ไม่เคยปล่อยวาง ยังมีตัวตน ยังมีอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ณ ขณะจิตเดียวนั้นที่ทำให้เราแตกต่างกัน ขณะจิตเดียวนั้นที่ตายไปพร้อมอวิชชา เราก็เลยต้องไปเกิดในภพภูมิที่ ณ ขณะจิตที่ดับไป ซึ่งขณะนั้นแต่ละคนก็คิดแต่ละแบบ แตกต่างกันไป ทำให้ภพที่เราไปเกิดใหม่นั้นต่างกัน ถ้าเกิดในภพมนุษย์ ก็จะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกัน ความนึกคิดหรืออะไร ๆ ก็แตกต่างกัน หรือถ้าไม่ได้เกิดในภพมนุษย์ ไปเกิดในภพต่าง ๆ เป็นสัตว์ประเภทต่าง ๆ ก็จะแตกต่างกันไป จึงทำให้ไม่แปลกใจอีกเลยว่าทำไมเราถึงแตกต่างกัน ณ ขณะจิตเดียวเท่านั้นที่ทำให้เราแตกต่างกัน ขณะจิตเดียวเท่านั้นจริง ๆ กราบเท้าหลวงตาด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ หลวงตา : ถูกแล้ว มันเป็นเช่นนั้นจริง แต่แม้จิตที่คิด หรือ ปรุงแต่งเกิดดับรวดปานปรมาณู ก็ไม่ได้เป็นเรา ตัวเรา ของเรา จิตทุกดวงเกิดดับรวดเร็วปานใด แต่จิตทุกดวงก็เกิดดับใน ความไม่เกิดดับ ความไม่เกิดดับนั้น ก็ไม่เป็นเรา ตัวเรา ของเรา เมื่อไม่มีตัวเราในสิ่งใดเลย จึงไม่มีตัวเราไปหลงยึดถือถือขันธ์ห้า ว่าเป็นเรา ตัวเรา หรือของเรา และจะไม่มีตัวเราไปหลงยึดถือสิ่งใด ให้เป็นทุกข์ เป็นภพ ชาติ .. และความทุกข์ทั้งมวล ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2561