ผู้ถาม : ขออนุญาตเจ้าค่ะ ตอนเช้าได้ฟังตอนหนึ่งที่มีคนถามว่า วิญญาณกับจิตผู้รู้ คือตัวเดียวกันไหม
หนูก็เอาอันนี้มานั่งพิจารณาว่าต่างกันตรงไหน สังเกตให้เห็นตามความเป็นจริงเลยสังเกตได้ว่าถ้าวิญญาณจะทำหน้าที่เป็นตัวรู้ รู้ทุกอย่างที่มากระทบทางอายตนะแล้วก็จะปรุงแต่งต่อว่าชอบ ไม่ชอบทันทีจะเกิดอารมณ์ตามมา ความรู้สึกเรามีเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้นมาทันที ความเป็นเราอยู่ในนั้นเลย หนูก็ปรับใหม่เอาแค่รู้เฉย ๆ เห็นตัวนี้ทำงานไปเรื่อย ๆ นั่งอยู่ก็รู้ว่านั่ง กินก็เห็นตัวนี้กิน เคี้ยวของมันเอง มันจะรู้เฉย ๆ ไม่มี อารมณ์ใด ๆ ก็แค่รู้เท่านั้น อร่อยหรือไม่อร่อยไม่ได้มีผลอะไรกับจิตเลย และคอยหมั่นเอากายนี้เป็นฐานที่ตั้งให้จิตมีที่อยู่ไม่ให้ส่งจิตออกนอก และคอยดูมันทำงานไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เห็นสภาวะหลงไปตามอารมณ์แล้วก็กลับมาเป็นผู้รู้ใหม่ เห็นว่า 2 สภาวะนี้ไม่เหมือนกัน มันเลยแยกออกว่าอันไหนเป็นวิญญาณที่ทำหน้าที่รู้ของมันเองมันมีเราอยู่ในนั้น ส่วนอันไหนเป็นจิตผู้รู้ที่ไปรู้เห็นการกระทำของขันธ์นี้มันทำงานเองโดยไม่มีเราเข้าไปมีอารมณ์กับมัน เราแค่รู้เฉย ๆ มันจะเหมือนสภาวะน้ำกับน้ำมันที่มันแยก ๆ กันอยู่ไม่ผสมกัน แต่ถ้ามีความเป็นเราเหมือนน้ำสีต่างผสมกับน้ำเปล่า สีน้ำนั้นเหมือนอารมณ์ต่าง ๆ ที่มาย้อมน้ำเปล่าให้เป็นสีนั้นสีนี้
หนูไม่ทราบว่าที่ภาวนามาถูกไหมคะ และจะต้องมีปรับอะไรบ้างไหมคะ ขอโอกาสเจ้าคะ
หลวงตา : สาธุ ถูกแล้ว
แต่รู้แล้ว มีปัญญาแล้ว ก็วาง
ให้วางทุกอย่างที่รู้ทุกขณะปัจจุบัน
ไม่เอาอะไร ไม่เป็นอะไร
ก็สงบ สันติ ว่างเปล่า ไร้ตัวตนตลอดเวลา
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561