ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ลูกน้อมนำคำสอนของหลวงตามาพิจารณา ธรรมชาติ คือความว่างเปล่า และ ปรากฏการณ์ทุกอย่างในโลกภายนอก เกิดขึ้นมาจากความว่าง ณ ขณะนี้ภาพเบื้อง
หน้าที่เห็น ไม่ว่าดวงอาทิตย์ เมฆ ลมพัดต้นไม้ใบไม้ไหว หรือลมที่พัดธงไหว ๆ รวมถึงชีวิต ความดิ้นรนของผู้คน ทุกสิ่งปรากฏอยู่บนความว่างของโลกย้อนกลับเข้ามาดูโลกภายในก็เช่นกัน ทุกสิ่งที่
ปรากฏขึ้นมา ไม่ว่า ความคิด ความรู้สึก ความหวั่นไหว ความดิ้นรน ใด ๆ นั้นคือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากพื้นฐานของความว่าง เช่นเดียวกัน ให้เห็นทุกอย่างเป็นเพียงปรากฏการณ์
ธรรมชาติ อย่างนี้ลูกเข้าใจถูกต้องไหมคะ กราบสาธุหลวงตาที่เมตตาสั่งสอนค่ะ
หลวงตา : สาธุ นั่นแหละ เห็นธรรม เพียรเห็นความจริงอย่างนี้อย่างต่อเนื่อง จะสิ้นหลงมีตัวตนของผู้ยึดมั่น
เมื่อสิ้นหลงมีตัวตนไปยึดถือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่คิด ปรุงแต่ง แสดงปรากฏการณ์ต่างๆ
ก็จะเห็นตามความเป็นจริงของธรรมชาติ ทั้งภายนอกและภายในเป็นธรรมชาติอย่างเดียวกัน
คือ ปรากฏการณ์ของธรรมชาติ ปรากฏอยู่บนความว่าง
ความว่างภายในที่เรียกว่า “ใจ” นั้น ก็เป็นดั่งเช่นความว่างของธรรมชาติภายนอก
เมื่อ “ใจ” เป็นความว่าง จึงไม่มีตัวตนไปยึดถือสิ่งใดได้ และ ไม่มีอะไรให้ถูกยึดถือได้
เมื่อ ทั้งรู้ ทั้งเห็น และเป็นความจริงภายในใจ ว่าปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ที่เป็นความรู้สึก นึก คิด ตรึกตรอง ปรุงแต่ง รวมทั้งความคิดปรุงแต่งเป็นเรา ตัวเรา หรือของเรา นั้น เป็นเพียง “สังขาร”
ไม่เที่ยง เกิดดับใน “ใจ” ที่ว่างเปล่า ไม่มีตัวตนของเราอยู่จริง ก็จะสิ้นหลงมีตัวตนไปยึดถือให้เป็นทุกข์
“ใจ” ก็เป็นความว่างหนึ่งเดียวกับธรรมชาติภายนอก เป็นพื้นรองรับปรากฏการณ์ของธรรมชาติ ที่เกิดดับในความว่าง
เมื่อ ถึงเวลาที่ธาตุแตกขันธ์ดับ “ใจ” จึงกลืนหายไปกับความว่างของธรรมชาติ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561