ผู้ถาม : หลวงตาเจ้าคะ วันนี้มันได้เจอสิ่งตกกระทบ คุยกับคนที่เราเคยพยายามจะเปลี่ยนแปลงเขา
เขาพูดแหย่มามันอารมณ์ขึ้น อยากจะไปพูดแก้ เปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นอย่างใจอยาก แบบที่เคยทำ
แต่มันเห็นว่ามีตัวเราจะไปเปลี่ยนสิ่งนั้น มันวางตัวเราที่จะไปเปลี่ยน ผลคือ ใจสงบท่ามกลางอารมณ์ที่ขึ้นๆ และท่ามกลางความคิดที่มันคิดอยู่ ใจมันก็สิ้นความอยาก ไม่อยากได้สิ่งนั้นอีกแล้ว มันเห็นความสงบท่ามความเคลื่อนไหว สักพักมันก็เห็นว่ามันมีตัวเราไปสงบ มีคนยึดถือความสงบอยู่ มันจึงวางผู้รู้นี้อีกครั้ง แต่ก็ยังมีตัวเราปล่อยวางผู้รู้ และยังมีตัวเราไปปล่อยวางผู้ปล่อยวางอีก
มันจึงเข้าใจว่า เมื่อใดที่มีเป้าหมาย จะ 'วาง' จะ 'ว่าง' จะ... อะไรก็ตามแต่
เมื่อนั้นก็จะยังมีกริยาของจิตไปกระทำร่ำไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดเลย จิตมันหนีจากการกระทำหยาบ ไปสู่การกระทำอันละเอียดขึ้นเรื่อยๆ อยู่ดี
มันเห็นมันทำจนมันท้อ มันร้องไห้ จนยอมรับ ว่า "แบบนี้ ... ไม่พ้นทุกข์หรอกนะ"
555 ร้องแล้วร้องอีกจริงๆ นะเจ้าคะหลวงตา
หลวงตา : ไม่ติด ไม่ยึดสิ่งใด ปล่อยให้มันเป็นอย่างที่มันเป็น
ไม่มีตัวเราหลงสังขารความคิดปรุงแต่งยึดถือ
ไม่มีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ว่าเรากำลังเป็นผู้รู้ กำลังเป็นผู้เห็น กำลังเป็นผู้มีอาการนั้น กำลังเป็นผู้มีสภาวะนั้น
ไม่หลงพยายามเป็นผู้ปล่อยวาง แต่ไม่มีผู้ยึดถืออะไรมาเป็นเรา ตัวเรา หรือ ของเราเลย
มันทุกข์ เพราะมันมีตัวเราพยายามปล่อยวาง เพื่อให้ตัวเราพ้นทุกข์
เมื่อทำไม่ได้อย่างใจ เลยเป็นทุกข์มาก..ร้องไห้แงๆๆ...
ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณหลวงตาเจ้าค่ะ อ๋อ เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ
มีตัวเราพ้นทุกข์
และมีตัวเรา... ไม่อาจพ้นทุกข์ได้
มันเลยทุกข์อยู่นี่ไง 555
เส้นผมบังภูเขา... เขี่ยเองไม่ออก 555
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2561