ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาด้วยใจเคารพนอบน้อมเจ้าค่ะ
เป็นลูกศิษย์หลวงตามาครบหนึ่งปีแล้วเจ้าค่ะ ขอโอกาสส่งรายงานการปฏิบัตินะเจ้าคะ
วันก่อนมีปัญหาเข้ามากระทบใจ เป็นปัญหาเดิมที่มีมาต่อเนื่องตั้งแต่ปฏิบัติธรรม ทำให้เกิดทุกข์ ก็ได้แต่พิจารณาทุกข์ที่เกิดขึ้น รู้และเห็นนะเจ้าคะว่ามันเป็นธรรมชาติของความมีที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เดี๋ยวก็ต้องดับไป ก็ไม่ได้ยึดเอาไว้ แต่ก็เห็นว่าปัญหานี้เดี๋ยวก็มาอีก วนเวียนไม่รู้จบแน่ จะแก้ปัญหาอย่างไรดี พิจารณาและถามหลวงตาอยู่ในใจทั้งวันว่าควรทำอย่างไรดีเจ้าคะหลวงตา
สุดท้ายตอนค่ำระหว่างเดินจงกรมอยู่ จิตมันเกิดปิ๊งคำตอบขึ้นมาว่าให้เมตตา และ รู้สึกขึ้นมาในใจว่าปรารถนาให้เค้าพ้นทุกข์ ตอนนั้นรู้และเห็นการทำงานของจิต เห็นความคิด เกิด ดับ ของเค้าเองชัดเจนมาก เห็นจิตเกิดดับอยู่ในความว่างที่เป็นเหมือนความว่างของธรรมชาติ
ช่วงเวลานั้นเหมือนจิตเค้าทำงาน รู้ ละ ปล่อยวางอยู่ในตัวของเค้าเองเจ้าค่ะ และ มีความรู้สึกตื่นตัว เบิกบานใจกว่าปกติ ทำให้นึกถึงคำที่ว่า ''เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน''
แต่ก็มานึกถึงคำสอนของหลวงตามหาบัว ที่หลวงตาเพิ่งโพสต์มาให้อ่าน...ประมาณว่า ความชั่วเป็นอวิชชาอย่างหยาบที่รู้ได้ง่าย แต่ความดีหรืออะไรที่เป็นสิ่งที่ดี ที่ถูกใจเป็นสิ่งที่ละเอียด เป็นอวิชชาตัวใหญ่
ที่มักจะถูกมองข้ามไป ก็เลยมาพิจารณาซ้ำเข้าไปอีกว่า..มีใครที่รู้สึกว่าเห็นการทำงานของจิตชัดมาก ใครเห็นความว่างที่เป็นพื้นอยู่ ใครรู้สึกว่าตื่นตัว ใครรู้สึกเบิกบานใจ...ชัดเจ้าค่ะ...ตัวเรานั่นเอง ขวางอยู่ในห้องว่าง...ก็เลยวางเจ้าค่ะ แต่มันก็ยังเบิกบานไม่เลิกนะเจ้าคะ ก็ไม่ได้ไปให้ค่าอะไรกับความรู้สึกนั้น ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แค่รู้เท่าทันเท่านั้นเจ้าค่ะ
วันรุ่งขึ้นก็เป็นปกติเจ้าค่ะ สภาวะแบบเมื่อคืนหายไป ก็ปฏิบัติสังเกต รู้ ละ ปล่อยวาง เหมือนเดิมต่อเจ้าค่ะ
ขอความเมตตาหลวงตาช่วยชี้แนะเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบหลวงตา พ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยใจเคารพนอบน้อมเจ้าค่ะ
หลวงตา : ธรรมชาติ คือ ธรรม ทุกอย่างผ่านมาให้ศึกษาเรียนรู้ ว่าอะไรเป็นอะไร ทำได้ใช้เป็น แล้วก็ผ่านไป ไม่สามารถยึดถืออะไรได้
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561