ผู้ถาม : น้อมกราบขอโอกาสส่งการบ้านเจ้าค่ะ ช่วงนี้มันเห็นเรื่องที่ยึดถือเป็นทิฏฐิว่า ควรจะอย่างนี้ ไม่ควรจะอย่างนั้น มีความกังวลที่ไม่อยากให้ธรรมะคลาดเคลื่อน ฯลฯ
แต่พอเห็นว่า มันเป็นกิเลสที่เอามาเป็นจริงเป็นจังในใจ มันก็เหมือนวางไป หายไป ใจมันก็สงบเย็นขึ้นมา พอใจมันสงบขึ้น เย็นขึ้น จึงทำให้รู้ว่า ที่ผ่านมายังคงมีความเร่าร้อน ยึดถือในสิ่งที่ดีก็เป็นการสร้าง “กรรมขาว” ยังคงเป็นกิเลส ที่ส่งผลเป็นทุกข์อยู่
และรู้ว่าเมื่อก่อนการวางสังขารนั้นมันเป็นการใช้ปัญญาที่เคลื่อนไหวหมุน ๆ มาเข้าใจสัจธรรมความจริง เป็นความจริงในสังขารว่า เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วมันก็วาง ไม่แบกไม่หนัก
แต่เดี๋ยวนี้การวางมันแตกต่างจากเมื่อก่อนเจ้าค่ะ มันวางสิ่งที่แตกต่างไปจาก “ความสงบ” มันคล้าย ๆ กับว่า ตัวปัญญาที่หมุน ๆ ถูกวางเสียเอง เกิดการ “หยุด” พอหยุดแล้ว มันก็ไม่มีอะไรเป็นอะไร
ตอนนี้คำของพ่อแม่ครูอาจารย์ดังขึ้นมาว่า ไม่มีสิ่งใดให้ต้องวิตก วิจาร เลยเจ้าค่ะ น้อมกราบส่งการบ้านและกราบขอความเมตตาชี้แนะเจ้าค่ะ
หนูขอน้อมก้มกราบแทบเท้าที่เมตตาหนูมาโดยตลอด น้อมกราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : รู้แจ้งแก่ใจว่าทุกปัจจุบันขณะมีแต่สังขารธรรม หรือ สังขตธรรม เกิดเอง ดับเองในวิสังขารธรรมหรืออสังขตธรรม ซึ่งเป็นธรรมชาติไม่เกิดดับ
และ รู้แจ้งแก่ใจว่า ไม่มีผู้ยึดมั่นทั้งสังขารธรรมหรือสังขตธรรม และวิสังขารธรรมหรืออสังขตธรรม เป็นวิราคธรรม วิมุตติธรรม นิพพานธรรม
“รู้แจ้งหมด สิ้นสงสัย ไม่ถามใครอีกต่อไป” (หลวงปู่ลี ตาณํกโร)
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565