ผู้ถาม : น้อมกราบองค์หลวงตาและกราบขอโอกาสแชร์ธรรมเจ้าค่ะ เผื่อธรรมนี้เป็นประโยช์ต่อท่านอื่น แล้วแต่องค์ลตเห็นสมควรเจ้าค่ะ
หลวงตาเจ้าคะ ไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมาให้เข้าใจเป็นภาษาได้ตามธรรมไหมเจ้าค่ะ เพราะขณะนั้นที่เกิดสภาวะ มันแค่ชั่วแว๊บเดียวเจ้าค่ะ
ขณะที่เจริญภาวนา มันเกิดเหมือนมีภาพร่างกายเกิดขึ้นข้างในพร้อม ๆ กับความรู้สึกที่สัมผัสได้ว่า.. ความเป็นตัวเป็นตน ความเป็นก้อนเป็นแก่นในภาพกายนั้น มันไม่มี ๆ ๆ มันมีแต่ภาพกายแต่หาตัวตนที่เป็นแก่นเป็นก้อน ไม่เจอ มันเกิดขึ้นเร็วมาก ๆ ค่ะหลวงตา แต่กลับรับรู้ได้ในความรู้สึกชัดแจ้งเจ้าค่ะ
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย กายสงบ.. ใจสงบ.. เป็นหนึ่งเดียว ส่วนข้างในก็มีสังขารเกิดดับ พูดพากย์เรื่อยไป ๆ และแปลก ๆ เหมือนทุกอย่างมันเป็นหนึ่งไปหมด (ว่างแต่ไม่ว่าง) เจ้าค่ะหลวงตา และลูกก็เลยได้กราบขอโอกาสถามพระพุทธเจ้าองค์ขาวเหมือนเช่นเคยค่ะว่า ลูกยังไม่เข้าใจว่าความเป็นตัวตนที่หายไปนั้นเพราะเหตุใดอะไร และสักพักก็มีธรรมขึ้นมาว่า ร่างกายยังไงก็ต้องตายแตกดับ ส่วนผุ้รู้ ผู้พูด อยู่ข้างในแค่ไม่ยึดก็จบเจ้าค่ะ
และทันทีแค่นั้น มันเหมือนกับร่างกายหนาวสั่นขนลุกทั่วกาย มันสั่นหนาวข้างในกายลึก ๆ จนเย็นเยือกไปทั่วกายเหมือนคนเป็นไข้ แต่ก็แค่สักว่า จนนั่งจบเจ้าค่ะ
บางครั้งช่วงนี้เวลาที่ทำอะไรโดยไม่ตั้งใจทำอะไร มันมีภาพเป็นโครงกระดูกแว๊บบ ขึ้นมาให้เห็นด้วยค่ะหลวงตา แต่มันไม่เป็นทั่วกาย เป็นแค่บางส่วนขึ้นมาแต่ละครั้งค่ะ สภาวะแบบนี้ไม่เคยเกิดมาก่อนหน้านี้เลยเจ้าค่ะ ลูกก็พยายามน้อมมาพิจารณาแต่ยังไม่ปะติดปะต่อเจ้าค่ะ
ลูกขอน้อมกราบขอบพระคุณในพระเมตตาไม่มีที่สุด ที่พ่อแม่ครูอาจารย์มาสอนธรรมตลอดแม้ในนิมิต (ความฝัน) เจ้าค่ะ
เดี๋ยวนี้ดีนะเจ้าคะที่มีพระพุทธเจ้าองค์ขาวมาสอนธรรมลูก ๆ ของพระองค์ในทุกที่ แค่เปิดใจรับฟังธรรมด้วยใจที่สงบ แล้วจะได้ฟังธรรมจากพระองค์เจ้าค่ะ น้อมกราบ กราบ กราบเจ้าค่ะ
ช่วงนี้เหมือนธรรมเป็นไปเองโดยไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะหลวงตา ไม่ทำอะไรคือข้างในไม่ทำ แต่ภายนอกก็ยัง ฟัง อ่าน ทำในรูปแบบตามเวลาที่เหมาะสมเหมือนปกติเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบเจ้าค่ะ
หลวงตา : ธรรม (ธรรมชาติ) เขาเป็นเช่นนั้นเอง
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2565