ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา
เมื่อคืนหลังจากฟังธรรมเสร็จ ลูกไปทำพลังลมปราณเช่นเดิมและสิ่งที่ขับออกมาในน้ำ มีฝุ่นผง และตะกอนสีดำ น้ำก็ดูขุ่น มันก็ถามขึ้นมาว่า
“เมื่อไหร่ตะกอนในน้ำมันจะหมดไปเสียที”
แล้วอยู่ๆ น้ำที่ขุ่นกลับใสขึ้นมา มันใสและเห็นตะกอนทุกอย่าง ชัดขึ้น
ธรรมจึงบอกว่า ธรรมชาติของน้ำ ไม่ได้ทำให้ตะกอนหายไป แต่มันทำหน้าที่สะท้อนให้เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริงอย่างที่มันเป็นเท่านั้น”
หลังจากนั้นมันจึงสงบอย่างยิ่งเจ้าค่ะ
และทำพลังลมปราณใหม่อีกครั้ง โดยท่อง 3 บทต่อกันเป็น 1 รอบ เป็นครั้งแรกที่พลังลมปราณเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ และเลือดลมเปิดหมด รับรู้การไหลเวียนถึงส่วนปลาย ปลายมือปลายเท้าเลยเจ้าค่ะ เวทนาความไม่สบายกายตอนนั้นคือ หายหมดเลย
มันจึงได้รู้ว่า ทำไมถึงเกิดพลังลมปราณที่สมบูรณ์ได้?
มันไม่ได้เกิดจากการ “ทำได้” หรือมีเหตุปัจจัยอะไรทำให้มันเป็นแบบนั้น แต่มัน “เป็นของมันเอง” เจ้าค่ะ
เพราะมันเป็นเอง มันจึงเป็นสิ่งที่สมบูรณ์อยู่แล้วตั้งแต่ต้น
เลยเห็นสิ่งที่เข้าใจผิดจริงๆ ว่ามันจะต้องฝึก หรือต้องเข้าใจอะไรบางอย่าง เพื่อให้เกิดอะไรบางอย่างขึ้น
แต่แท้ที่จริง การฝึกฝนทั้งหมด ไม่ใช่ทำให้เกิดอะไรขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการเอาสิ่งที่มาปิดบังมันอยู่ออกไป
ทำให้สิ่งที่มีอยู่แล้ว มันปรากฏแสดงเท่านั้น
พลังงานทั้งหมดเป็นคุณสมบัติที่มีอยู่แล้วภายในใจที่เป็นที่รองรับพลังงานทั้งหมด แต่มันออกมาไม่ได้ เพราะมีอวิชชาคือความเป็นตัวเราที่พยายามจะไปทำอะไรให้เป็นอะไร บดบังมันไว้เจ้าค่ะ
พลังลมปราณ ใครว่าเป็นของพื้นๆ แต่มันสะท้อนทุกสิ่งของธรรมะ สะท้อนความเข้าใจ สะท้อนภูมิจิตภูมิธรรม
สะท้อนแม้แต่คุณสมบัติ หรือ “บารมี” ที่อยู่ในธาตุรู้ของคนผู้นั้นด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ เป็นเช่นนั้นเอง
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 25