ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา ฟังไฟล์แล้ว ดีมากเลยเจ้าค่ะ
ช่วงนี้สังเกตเหมือนกัน ว่าทำไมมันปรุงแต่งอย่างมากมาย เพิ่งมารู้ว่า นิสัยตัวเองเป็นคนเร็ว เร็วมาก คิดธรรมะขึ้นมานี่ คิดไม่หยุด เดี๋ยวมันปรู๊ดไปทางโน้น เดี๋ยวมันปรู๊ดมาทางนี้ ห้ามไม่ทัน หยุดไม่ได้เลย
แล้วธาตุขันธ์มันเคลื่อนไหวเร็วมาก เดินฉับๆ เหมือนไม่มีร่างกาย ว่องไวมากกว่าพ่อแม่ที่ไม่ป่วยอีก
ยิ่งได้พูดธรรมะ ได้แสดงออกไป ธาตุขันธ์มันเหมือนโดน spark พลังงานมันโดนชาร์จจนล้น ไม่ง่วง ไม่เพลียเลยแม้แต่นิดเดียว มองดูคนอื่นจิตจมแช่ ทำอะไรก็ช้าๆ ลูกก็งงว่า นี่ใครป่วยกันแน่ก็ไม่รู้เจ้าค่ะ
แต่สิ่งเดียวที่พอจะเบรคให้มันเย็นลงได้ คือ ความตายเจ้าค่ะ พอคิดถึงการแตกดับของธาตุขันธ์ มันก็เย็นลง แต่พอปล่อยไป มันก็ไปมีโครงการเยอะแยะใหม่เจ้าค่ะ
ลูกก็ไม่รู้ทำไงเหมือนกัน แต่พอฟังวันนี้ก็ได้คำตอบเจ้าค่ะ คือ ปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร
ปล่อยวางธาตุขันธ์
ปล่อยวางความตาย
ปล่อยวางนิสัย
ปล่อยวางนิพพาน เจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณหลวงตาอย่างสูงเจ้าค่ะ
เมื่อกี๊ปล่อยยังไม่ครบเจ้าค่ะหลวงตา
ตอนลูกไปอาบน้ำ ลูกแบมือสองข้างออก ปรากฏว่ามือขวาแดงแต่มือซ้ายซีด (อาจเพราะโดนน้ำไม่เท่ากัน) มันก็รู้ขึ้นมาว่า สรรพสิ่งแตกต่างกันในคุณสมบัติ
มันเลยเห็นว่า ทั้งธาตุขันธ์ ความตาย นิสัย นิพพาน ล้วนแต่เป็นคุณสมบัติเช่นนั้นของมันเอง ไม่จำเป็นต้องปล่อยวางอะไร เพราะทุกสิ่งเป็นตามนั้นของมันเองโดยคุณสมบัติของเขาเจ้าค่ะ
เลยหมดสิ้นการปล่อยวาง ปล่อยวางการปล่อยวาง
เมื่อหมดแล้วก็รู้ว่าหมดแล้วเจ้าค่ะ แค่รู้ว่าหมดแล้ว
หลวงตา : “สัจธรรม” เป็นความจริงแท้อย่างนั้นเอง
แต่ “อวิชชา ตัณหา อุปาทาน” พาให้หลงยึดมั่น ไม่ยอมรับความจริงแท้ของธรรมชาติ
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2564